เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา งานประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมถั่วนานาชาติ (ฤดูใบไม้ผลิ) ปี 2018 ณ เมืองฉงจั่ว จัดโดยรัฐบาลเทศบาลเมืองฉงจั่ว ร่วมด้วยสำนักงานส่งเสริมการลงทุนเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สภาหอการค้าเพื่อการนำเข้าส่งออกสินค้าอาหาร ผลผลิตธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์แห่งประเทศจีน (China Chamber of Commerce for Import & Export of Food Stuffs, Native Produce & Animal By Products) สมาคมมะม่วงหิมพานต์เวียดนาม และสมาคมเมล็ดธัญพืชไต้หวัน โดยมีนักธุรกิจในวงการถั่ว กว่า 200 คนจากประเทศต่างๆ เช่น จีน ไทย เวียดนาม เมียนมา ลาว และมาเลเซีย เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมกันวางแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมถั่ว


หลิว โหย่วหมิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองฉงจั่ว และประธานคณะกรรมการสามัญประจำสภาประชาชนเมืองฉงจั่ว กล่าวว่า เมืองฉงจั่ว อาศัยจุดแข็งด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทั้งท่าเรือและชายแดนในการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปถั่ว ซึ่งมีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร หลายปีมานี้เมืองฉงจั่วให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมถั่วเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังยกให้อุตสาหกรรมแปรรูปถั่ว เป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองฉงจั่ว พร้อมมุ่งมั่นให้เมืองฉงจั่วเป็นฐานแปรรูปถั่วและแหล่งซื้อขายถั่วที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ทั้งนี้เมืองฉงจั่วยังมอบนโยบายสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมถั่ว ให้การสนับสนุนธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น ที่ดิน การจัดเก็บภาษี พลังงาน และการจัดหาเงินทุน เป็นต้น จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารกว่างซี-อาเซียนในนิคมอุตสาหกรรมฉงจั่ว (ไทย-จีน) ดึงดูดธุรกิจแปรรูปถั่วที่มีศักยภาพให้เข้ามาลงทุน ซึ่งช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมแปรรูปถั่วพัฒนาอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปท่าเรือที่เน้นการแปรรูปถั่ว ปัจจุบันมีธุรกิจแปรรูปถั่วที่มีรายได้มากกว่า 20 ล้านหยวน (Enterprises above designated size) ทั้งสิ้น 6 รายในเมืองฉงจั่ว กำลังการผลิตในด้านการแปรรูปถั่วต่อปีสูงถึง 1.1 แสนตัน มีโครงการแปรรูปถั่วทั้งสิ้น 15 โครงการ ในปี 2560 มูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรมแปรรูปถั่วของเมืองฉงจั่วอยู่ที่ 1,982 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 43.8%
กิจกรรมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ เมืองฉงจั่วพยายามขานรับยุทธศาสตร์ “One Belt One Road” กระชับความร่วมมือด้านกำลังการผลิตระหว่างประเทศ สร้างคุณูปการใหม่เพื่อผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-อาเซียน ให้ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น และสร้างประชาคมจีน-อาเซียนที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ-การค้าระหว่างจีน-อาเซียนได้มากทีเดียว