“ การแพทย์แผนจีนได้พัฒนาก้าวไปไกลกว่ายาพื้นบ้าน แต่จัดเป็นศาสตร์วัฒนธรรมการแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ ซึ่งพัฒนาก้าวล้ำไปถึงเรื่องอาหารที่เป็นยา สเต็มเซลล์ สมองเทียม ถือเป็นองค์ความรู้สำคัญที่ไทยควรมีการเรียนรู้ และพัฒนาต่อยอดจับมือร่วมกันกับจีน” ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดงานสัมมนา“วัฒนธรรมการแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 1” ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนครินทรวิโรฒ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
งานสัมมนาครั้งนี้ นับเป็นการเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างไทย-จีน อีกหนึ่งก้าวที่สำคัญ ซึ่งจีนถือเป็นประเทศเดียวที่มีความสัมพันธ์กับไทยครอบคลุมใน 4 มิติ ทั้งในด้านการทูต การค้า วัฒนธรรม และสายเลือด
ขณะที่ทั้งสองประเทศถือเป็นผู้นำด้านมรดกวัฒนธรรมการแพทย์ที่สืบทอดมาแต่โบราณ ไม่เป็นรองใครในโลก จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นอันดีในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ระหว่างกัน โดยการผลักดันของสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ , กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนทางเลือก ร่วมกับศูนย์เผยแพร่วัฒนธรรมระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน และภาคีเครือข่าย
ทั้งนี้ การจัดสัมมนา“วัฒนธรรมการแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 1” ถือเป็นก้าวสำคัญของการส่งเสริมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการแพทย์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศ ตามโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่มีนโยบายผลักดันให้เทคโนโลยีการแพทย์จีนได้ก้าวสู่ต่างประเทศมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างให้เกิดการบูรณาการการพัฒนาการแพทย์ระหว่างประเทศในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทยที่ต้องการผลักดันพัฒนาการแพทย์แผนไทยสู่สากล
ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศจีนเคยลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีนโบราณกับองค์กร ภูมิภาค และประเทศอื่นๆ มาแล้วกว่า 40 แห่ง เพื่อสร้างศูนย์การแพทย์แผนจีนโบราณในประเทศและภูมิภาคต่างๆ ที่อยู่ในโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ทั้งยังได้เปิดสถาบันการแพทย์แผนจีนโบราณหลายร้อยแห่งใน ประเทศและภูมิภาคต่างๆ กว่า 30 แห่ง
ล่าสุด การแพทย์แผนจีนยังได้รับการยอมรับให้ถูกรวมเข้าในบัญชีจำแนกทางสถิติระหว่างประเทศของโรคและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องฉบับที่ 11 (International Classification of Diseases-11) ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ”The 72nd World Health Assembly (WHA72)” ณ กรุงเจนีวา นับเป็นก้าวสำคัญในการปรับเปลี่ยนสู่ความเป็นสากลของการแพทย์แผนจีนโบราณ และก่อให้เกิดการพัฒนาแบบบูรณาการระหว่างการแพทย์แผนจีนโบราณ กับการแพทย์และระบบบริการสุขภาพของประเทศอื่นๆ ด้วย
ด้าน เลขาธิการสมาคมแพทย์แผนจีน หวัง กุ้ย หัว กล่าวว่า การแพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์ที่มีการสืบทอดมาหลายพันปี โดยหลังจากเปิดประเทศในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา การแพทย์แผนจีนได้พัฒนาไปก้าวไกลมาก และได้กลายเป็นตลาดยาอันดับ 2 ของโลก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้น 12.24%
อย่างไรก็ตาม ยังมีโจทย์ที่ท้าทายในการสร้างความเข้าใจด้านการแพทย์แผนจีนแก่คนรุ่นใหม่ และแพทย์แผนปัจจุบัน พร้อมทั้งยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมแพทย์แผนจีน ซึ่งรัฐบาลจีนเองก็ได้ให้ความสำคัญ ส่งเสริมการวิจัยพัฒนา และผลักดันให้เป็นที่แพร่หลายสู่สากล
ขณะที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ได้ยกให้การแพทย์แผนจีนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของจีน โดยในปี 2020 คาดว่ามูลค่าอุตสาหกรรมยาแผนจีน จะเติบโตทะลุ 8 ล้านล้านหยวน ปัจจุบัน สมาคมแพทย์แผนจีนถือเป็นสมาคมระดับชาติของจีน มีสมาชิกกว่า 700 บริษัท และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญกว่า 6 พันคน
——————————————