ส่องสินค้าไทยยอดนิยมงาน CAEXPO

งานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน “China-ASEAN Expo” (CAEXPO) ถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของเมืองหนานหนิง ซึ่งการจัดแสดงสินค้าในส่วน Thailand Pavilion จากประเทศไทย ยังคงได้รับความสนใจจากชาวจีนเข้ามาชม ช้อป ชิมกันแน่นขนัด จนหลายร้านสินค้าหมดเกลี้ยงตั้งแต่ยังไม่จบงาน โดยปีนี้ ในส่วนของ Thailand Pavilion กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้นำทัพผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจำนวน 157 บูธ

สินค้าที่จัดแสดง ได้แก่ อาหารเครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เครื่องตกแต่งบ้าน สินค้าแฟชั่น อัญมณีและเครื่องประดับ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงในส่วนเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ (City of Charm) ในปีนี้ของประเทศไทย คือ จังหวัดบุรีรัมย์

บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 15 ที่เราได้นำผู้ประกอบการจากไทยมาเข้าร่วมงาน CAEXPO ที่หนานหนิง ได้เห็นพัฒนาการของงานที่เติบโตขึ้นทุกปี จากปีแรกๆที่มีเพียงไม่กี่บริษัทเข้าร่วม จนตอนนี้เป็นงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงติดปากเป็นที่รู้จักของบรรดาผู้ประกอบการ รวมทั้งยังเป็นช่องทางสำคัญในการเปิดประตูสินค้าไทยกระจายไปสู่ทั้งในภาคตะวันตก ภาคใต้ และภาคกลางของจีน ซึ่งคาดว่าการเข้าร่วมงาน CAEXPO ปีนี้ จะสร้างให้เกิดมูลค่าการซื้อขายเกิดขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท

“คนจีนให้การยอมรับสินค้าไทยว่าเป็นสินค้าดีมีคุณภาพ โดยสินค้าที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้าอาหารสดและแปรรูป รวมถึงผลิตภัณฑ์ความงามและสมุนไพรแปรรูป ซึ่งปีนี้ เราพยายามผลักดันผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใหม่ๆ ที่นำเอาผลผลิตทางการเกษตร พืชสมุนไพรต่างๆ มาเป็นส่วนผสม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรของไทย พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการหันมาสร้างแบรนด์ และใช้ช่องทางออนไลน์ในการเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าว

ด้าน อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า งาน China-ASEAN Expo (CAEXPO) จัดขึ้นที่มณฑลกว่างซี ซึ่งถือเป็นมณฑลที่สำคัญ เพราะเป็นประตูเชื่อมอาเซียนและจีน โดยเป็นมณฑลเดียวของจีนที่มีพรมแดนติดกับอาเซียนทั้งทางบก ทะเล และอากาศ และยังเป็นช่องทางหลักในการขนส่งสินค้าเกษตรของไทยไปจีน โดยครึ่งหนึ่งของผลไม้จากอาเซียนที่เข้าสู่ตลาดจีนเป็นการนำเข้าผ่านกว่างซี และในช่วง 7 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ค.) ไทยส่งออกผลไม้ไปยังจีนมีมูลค่ารวมกว่า 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ขณะที่การค้าระหว่างไทยกับจีนในภาพรวม ช่วง 7 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 44,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นการส่งออกจากไทยไปจีนมูลค่า 16,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้าจากจีนมาไทยมูลค่า 28,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

• คนจีนให้ความสนใจข้าวสุขภาพของไทย

ในการเข้าร่ามงาน CAEXPO ที่เมืองหนานหนิงครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ของไทยยังได้ใช้โอกาสนี้ ในการจัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในพื้นที่ Thailand Pavilion นอกเหนือจากข้าวหอมมะลิของไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างดีในหมู่ชาวจีน ยังมีการแนะนำกลุ่มข้าวสีและข้าวเพื่อสุขภาพอื่นๆ ของไทยที่มีความโดดเด่นด้านคุณค่าทางโภชนาการ อาทิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ,ข้าว กข43, และข้าวสังข์หยด ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานชาวจีนเป็นจำนวนมาก

เหวย หมินเหวิน หนึ่งในผู้ประกอบการชาวจีนที่ให้ความสนใจข้าวเพื่อสุขภาพของไทย บอกว่า ข้าวไทยมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ความหอม นุ่ม น่ารับประทาน ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของชาวจีน ซึ่งการเข้าชมงานครั้งนี้รู้สึกสนใจสินค้าข้าวเพื่อสุขภาพของไทยเป็นพิเศษ เพราะยุคนี้คนจีนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ จึงมี

ความต้องการบริโภคข้าวเพื่อสุขภาพและอาหารปลอดสารพิษหรือสารเคมีมากขึ้น จะเห็นได้ว่าหลายคนเริ่มหันมานิยมรับประทานข้าวขาวผสมกับข้าวกล้อง และข้าวเพื่อสุขภาพหลากหลายชนิด ถึงแม้ข้าวไทยที่จำหน่ายในจีนราคาจะสูง แต่หากคุณภาพสมราคา ลูกค้าคนจีนที่มีศักยภาพและกำลังซื้อก็พร้อมที่จะจ่าย เช่นเดียวกับผู้บริโภคจีนชาวหนานหนิงอย่าง เหวย จาวกวง ที่ยกให้ข้าวหอมมะลิของไทยเป็นสินค้าที่โดดเด่นและชื่นชอบมากที่สุด นึกถึงข้าวดีมีคุณภาพ ต้องข้าวหอมมะลิจากไทย เจ้าตัวเล่าว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีโอกาสไปเที่ยวกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ทำให้มีโอกาสรู้จักและได้ใช้สินค้าไทยซึ่งเป็นสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ มาเดินงาน CAEXPO ครั้งนี้ จึงตั้งใจตรงมาที่ Thailand Pavilion เป็นที่แรก โดยนอกจากข้าวหอมมะลิแล้ว ยังสนใจสบู่จากเมืองไทยและสินค้าที่ทำมาจากสมุนไพรไทย เช่น ยานวดบรรเทาอาการปวดเมื่อย รวมถึงสินค้าเพื่อสุขภาพต่างๆ

• เสียงจากผู้ประกอบการไทย

สำหรับสินค้าไทยขายดีที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวจีนใน Thailand Pavilion ในปีนี้มีความหลากหลายทั้งประเภทและชนิดสินค้า สำหรับกลุ่มสินค้าอาหารที่ขายดีมีทั้งขนมขบเคี้ยว สาหร่ายแผ่นปรุงรส อาหารทะเลอบกรอบ ทุเรียนฟรีซดราย เครื่องปรุงต้มยำ อาหารพร้อมรับประทาน ตามมาด้วยสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม โดยเฉพาะสบู่ สมุนไพรแปรรูป ทั้งยาดม ยาอม ยาทา ผลิตภัณฑ์สปา เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิว นอกจากนี้ ยังมีสินค้ายอดนิยมอย่างหมอนยางพารา และเครื่องหนัง เครื่องประดับ ฯลฯ ที่ได้รับความสนใจจากนักช้อปชาวจีน

สุขุม ฉัตรอารียกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี เค ที ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ความงามและสมุนไพรแปรรูปแบรนด์ “Herb&Her” ซึ่งเข้าร่วมออกบูธในงาน CAEXPO ต่อเนื่องมา 5 ปี เล่าว่า ทุกปีที่มา

ถือว่าประสบความสำเร็จทุกครั้ง คนเยอะ คนแน่นแบบนี้ทุกปี เพราะคนจีนชื่นชอบสินค้าไทย โดยเฉพาะสบู่แก้สิว แก้ฝ้า สบู่ทองคำ ที่ขายดีจนเกลี้ยง เพราะลูกค้าใช้แล้วดี บอกต่อกันปากต่อปาก นอกจากนี้ คนจีนที่มาเดินในงานยังมองว่า สินค้าที่มาจำหน่ายใน Thailand Pavilion เป็นสินค้าได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้วจากหน่วยงานราชการของไทย บางคนมาซื้อแบบไม่ต้องดูยี่ห้อเลย เพราะเขามั่นใจว่าถ้าเป็นสินค้าไทยแล้ว เชื่อถือได้ในคุณภาพ

ด้านผู้ประกอบการรายใหม่ที่เพิ่งเปิดตลาดจีนไม่ได้ถึงปี นพรัตน์ สุขสราญฤดี Co-Founder บริษัท วิโนน่า คอสเมติกส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์สบู่อนามัยทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นในผู้หญิง และครีมมาร์กหน้าแบรนด์ Winona เล่าว่า เราเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดจีน เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นสำหรับผู้หญิงซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดดเด่นด้วยการใช้สมุนไพรไทยออร์แกนิก ทำให้ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าชาวจีน หลายคนมาเห็นแล้วตกใจว่ามีผลิตภัณฑ์แบบนี้ขายด้วยเหรอ แต่กลายเป็นว่าคนที่เห็นแล้วซื้อเลย คือ ผู้ชายที่ซื้อไปให้ภรรยาใช้ ก่อนหน้านี้ เคยมีโอกาสไปออกบูธในงานแสดงสินค้าที่ต้าเหลียน คุนหมิง และกว่างโจว แต่งาน CAEXPO ที่นี่ถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุด

ปิดท้ายที่ พนิดา แซ่จิว ประธานกรรมการ บริษัท บีที เฮอเบิล จำกัด ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมด้วยสมุนไพรไทยออแกนิคแบรนด์ “ยอง ฮิม ฮูล์”จาก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า จากประสบการณ์ที่ทำตลาดในจีนมาแล้ว 5 ปี พบว่าลูกค้าชาวจีนมีความชื่นชอบสินค้าที่ทำจากสมุนไพรไทย โดยเฉพาะสินค้าที่ทำมาจากออแกนิค ในสายตาของคนจีนมองว่าสินค้าไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ

“การออกมางานแสดงสินค้าที่เมืองจีน สิ่งที่ต้องเตรียมตัวอย่างแรก คือ เรื่องภาษา ต้องมีการเตรียมเอกสาร ป้าย โบรชัวร์ภาษาจีนเพื่อให้ลูกค้าอ่านได้และเกิดความมั่นใจในสินค้า รวมถึงการตกแต่งบูธให้มีความสวยงามโดดเด่น ถึงแม้พฤติกรรมของลูกค้าชาวจีนจะชอบต่อราคา แต่ไม่ควรตั้งราคาสูงกว่าเมืองไทยจนเกินไป นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมความพร้อมด้านระบบชำระเงินออนไลน์ เพราะยุคนี้คนจีนส่วนใหญ่ไม่นิยมพกเงินสด แต่ใช้จ่ายผ่านมือถือเป็นหลัก” พนิดา ฝากถึงผู้ประกอบการไทยที่สนใจบุกตลาดในจีน

Your email address will not be published. Required fields are marked *