

ภายในงานมีการจัดแสดงโครงการสำคัญๆ อาทิ China-ASEAN Information Harbor ส่งเสริมความร่วมมือด้าน AI, 5G และBig Data, การสร้างเส้นทางขนส่งเชื่อมโยงกว่างซีสู่อาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล, The Open Financial Door to ASEAN ส่งเสริมการลงทุนด้านการเงินระหว่างกัน
ขนส่งเชื่อมโยงกว่างซีสู่อาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล, The Open Financial Door to ASEAN ส่งเสริมการลงทุนด้านการเงินระหว่างกัน
ในการเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ คณะผู้แทนรัฐบาลกว่างซียังได้ร่วมประชุมกับสถาบันการเงินชั้นนำของไทย อาทิ ธนาคารกสิกรไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการเงิน การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการพัฒนาบุคลากรแบบข้ามพรมแดนฯลฯ นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายและกลุ่มมิตรผล เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมน้ำตาลของทั้งสองฝ่าย
โอกาสนี้ รองประธานฯ เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ยังได้เสนอให้มีการเดินหน้าขยายความร่วมมือระหว่างไทย-จีน-อาเซียนใน 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่
- ความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการเงิน กว่างซีได้จัดงานประชุมสุดยอดความร่วมมือและการพัฒนาด้านการเงินจีน-อาเซียน ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งงานนี้ได้กลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางการเงินระหว่างจีนกับประเทศอาเซียน และได้ผลักดันให้กว่างซีกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการเปิดประตูด้านการเงินที่มุ่งสู่อาเซียน ปัจจุบัน กว่างซียังอยู่ระหว่างเดินหน้าพัฒนาฐานบริการการดำเนินการทางการเงิน ฐานบริการการบริหารความมั่งคั่ง ฐานบริการข้อมูลทางการเงิน และฐานการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมทางการเงินสำหรับอาเซียน ซึ่งหวังว่าสถาบันการเงินของไทยจะได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานและเจรจาหารือที่กว่างซี เพื่อศึกษาโอกาสความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการเงินระหว่างกัน
- การสร้าง China-ASEAN Information Harbor เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา กว่างซีได้จัดการประชุมสุดยอด AI จีน-อาเซียนครั้งแรก และได้มีพิธีลงนามความร่วมมือพันธมิตร China-ASEAN Information Harbor โดยได้เชิญตัวแทนจาก 6 ประเทศในอาเซียนมาร่วมประชุม ซึ่งรวมถึงตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมด้วย มีบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงกว่า 100 บริษัทมาจัดแสดงในงาน นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่สามารถลงนามบรรลุข้อตกลงถึงเกือบ 90 โครงการ ครอบคลุมทั้งด้าน Big Data, Internet of Things และ AI ฯลฯ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 32,000 ล้านหยวน (หรือกว่า 1.4 แสนล้านบาท) บริษัท China-ASEAN Information Harbor ได้เจรจาและสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารข้อมูลและ “Internet+” กับ 8 ประเทศในอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย “ในปี 2563 ซึ่งได้กำหนดให้เป็นปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจีน-อาเซียน เราหวังว่าจะเสริมสร้างความร่วมมือในด้านดังกล่าวกับประเทศไทยต่อไปเพื่อร่วมกันสร้างเส้นทางสายไหมแห่งดิจิทัลจีน-อาเซียน” รองประธานฯ เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง กล่าว
- ส่งเสริมให้ประเทศไทยมีส่วนร่วมในการสร้างเส้นทางการขนส่งเชื่อมทางบกกับทางทะเลมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตาม “แผนแม่บทเส้นทางการขนส่งเชื่อมทางบกกับทางทะเลสายใหม่ภาคตะวันตก” จีนจะสร้างเส้นทางขนส่งใหม่ 3 สายที่เชื่อมโยงพื้นที่ภาคตะวันตกกับอ่าวเป่ยปู้ของกว่างซี ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้กว่างซีจะกลายเป็นท่าเรือขนส่งระหว่างประเทศที่มีปริมาณสินค้าเข้า-ออกสูงถึง 5 ล้านตู้ ในปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านตู้ในปี 2568 โดยหวังว่าทางฝ่ายไทยจะส่งเสริมให้มีการขยายหรือเปิดเส้นทางใหม่การขนส่งทางทะเลระหว่างท่าเรืออ่าวเป่ยปู้กับท่าเรือกรุงเทพฯ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือภาคใต้ของไทย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทไทยสามารถเปิดเข้าสู่ตลาดจีนในพื้นที่ที่ห่างจากฝั่งทะเล รวมถึงตลาดเอเชียและยุโรป โดยใช้เส้นทางขนส่งสายใหม่ที่เชื่อมท่าเรือไทย อ่าวเป่ยปู้ จีนแผ่นดินใหญ่ เอเชียตะวันตก และเอเชียกลาง
- กระชับความร่วมมือทวิภาคีหลากหลายด้านในเชิงลึก ในด้านการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม ทางฝ่ายจีนได้เสนอให้ฝ่ายไทยร่วมให้การสนับสนุนบริษัทจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสนับสนุนให้บริษัทจีนมีโอกาสได้รับเหมาก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอื่นๆของไทย ตลอดจนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการ EEC ของไทยมากขึ้น รวมไปถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความร่วมมือกัน เช่น นิคมอุตสาหกรรมจีน-ไทย ฉงจั่ว ซึ่งมีบริษัทจากจีนและไทยเข้าไปลงทุนแล้ว 97 บริษัท ให้กลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับความร่วมมือทวิภาคีด้านกำลังการผลิต เศรษฐกิจ และการค้า เป็นต้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กว่างซีกับประเทศไทยได้กระชับความร่วมมือกันอย่างรอบด้าน ภายใต้การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-จีน ในปี 2561 มูลค่าการค้าระหว่างกว่างซีกับประเทศไทยอยู่ที่ 9,100 ล้านหยวน (หรือกว่า 4 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 96.26%
ขณะที่บริษัทก่อสร้างชั้นนำของกว่างซี Guangxi Construction Engineering Group ได้จับมือร่วมทุนกับกลุ่ม CP ของไทยในการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมCPGC ที่จังหวัดระยอง นอกจากนี้ ยังได้ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ก่อสร้างสายการผลิตน้ำตาลชั้นนำของโลก โดยได้รับเหมาก่อสร้างโครงการโรงงานน้ำตาล 2 โรงในประเทศไทยที่มีมูลค่าสัญญารวมกันมากกว่า 2,300 ล้านหยวน (หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาท)
ภายใต้กรอบความร่วมมือ”หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ทั้งสองฝ่ายยังได้สร้างการเชื่อมโยงเส้นทางติดต่อระหว่างกัน ทั้งเส้นทางการขนส่งทางบก ซึ่งปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยจำนวนมากเข้าสู่ตลาดจีน โดยผ่านเส้นทางขนส่งทางบก ไทย – ลาว – เวียดนาม – และด่านผิงเสียงของกว่างซี


ด้านการขนส่งทางน้ำ มีเรือขนส่งที่วิ่งระหว่างท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ของกว่างซีกับท่าเรือแหลมฉบัง จากท่าแหลมฉบังถึงท่าเมืองชินโจวใช้เวลาเพียง 4 วัน ช่วยลดทั้งระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์
ในเดือนพ.ค.2562 Guangxi Beibu Gulf International Port Group ยังได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ PSA Singapore Group จัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อลงทุนโครงการทรัพยากรท่าเรือที่มีคุณภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งโครงการแรกที่จะลงทุนเป็นโครงการท่าเรือแม่น้ำ TPT ของประเทศไทย
ในด้านการขนส่งทางอากาศ มีเที่ยวบินตรงจากเมืองหนานหนิง-กรุงเทพฯ ขยายเพิ่มขึ้น 29 เที่ยวต่อเดือน ในด้านการสื่อสาร บริษัท China-ASEAN Information Harbor กำลังร่วมมือกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมของไทย เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบหลอมรวมในประเทศไทย และผลักดันความร่วมมือด้าน Internet of Humans, Internet of Things และอินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่
นอกจากนี้ กว่างซีและไทยยังมีการเสริมสร้างความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ผ่านกลไกการจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีจีน-อาเซียน โดยในปี 2561ได้มีนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นไทย 5 คนเข้ามาทำงานวิจัยระยะสั้นที่กว่างซี โดยงานวิจัยครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เกษตรสมัยใหม่ และสุขภาพ เป็นต้น
ขณะที่ด้านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม มีการจับคู่ความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดต่างๆของไทยกับกว่างซี จำนวน 10 คู่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของการจับคู่เมืองพี่เมืองน้องทั้งหมดระหว่างจีนกับไทย อีกทั้ง 2 ฝ่ายยังต่างเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญซึ่งกันและกันสำหรับการเดินทางเพื่อศึกษาต่อและการท่องเที่ยว
ในปี 2561 มีนักศึกษาไทยศึกษาอยู่ในกว่างซีทั้งสิ้นจำนวน 2,835 คน สูงเป็นอันดับที่ 2 ในบรรดาอาเซียน 10 ประเทศ ขณะเดียวกันก็มีนักศึกษาจากกว่างซีหลายพันคนที่เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศไทย ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่กว่างซีในปีที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 111,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.1% ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปกว่างซี จำนวน 6 หมื่นคน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.9%