จากดินแดนที่เคยนองเลือดจากภัยก่อการร้ายและความรุนแรงสุดโต่งนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งการวางระเบิด การโจมตีด้วยอาวุธหนัก และการลอบสังหาร จนสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนบริสุทธิ์จำนวนมาก…
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสงบและสันติสุขได้กลับคืนมาสู่“เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์” พื้นที่สุดแดนตะวันตกของจีนอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลจีนได้ทุ่มเทในการแก้ไขอย่างจริงจัง
จนทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยมานับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 ค่อยๆปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น จนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีเหตุความรุนแรงและก่อการร้ายในซินเจียงเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
• มุ่งรักษาเสถียรภาพควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รัฐบาลจีนได้นำมาตรการต่างๆเข้ามาใช้ในการบริหารปกครองซินเจียง โดยมุ่งป้องกันและขจัดการเผยแพร่ลัทธิความรุนแรงอย่างสุดโต่งและภัยการก่อการร้ายที่ต้นเหตุ ยึดมั่นการรักษาเสถียรภาพในซินเจียงควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่
หนึ่งในมาตรการสำคัญที่จีนนำมาใช้คือการก่อตั้ง“ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพ”เพื่อสอนทักษะวิชาชีพตามกฎหมาย ฝึกอบรมด้านการพูดและเขียนภาษาจีน ให้ความรู้ด้านกฎหมาย ขยายโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างถ้วนหน้า เพื่อเพิ่มโอกาสการมีงานทำ โดยกลุ่มผู้เรียนมีทั้งที่มาจากกลุ่มลัทธิสุดโต่งทางศาสนาและกลุ่มผู้กระทำความผิดลหุโทษ ซึ่งผู้เรียนเหล่านี้ต่างได้รับเสรีภาพ และการให้ความคุ้มครอง เคารพในวัฒนธรรมชนชาติและสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่
นับเป็นผลงานสำคัญด้านการต่อต้านการก่อร้ายระดับสากลของจีน ด้วยการทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่เคยถูกขบวนการก่อการร้ายใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรุนแรง มีงานทำ มีรายได้ และมีโอกาสที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ปัจจุบัน ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากศูนย์ฝึกอบรมฯ ต่างสามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคง มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชาวซินเจียงได้หลุดพ้นจากความหวาดระแวงที่เคยอยู่ภายใต้ภัยคุกคามของลัทธิก่อการร้ายสุดโต่ง และเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความสันติ มั่นคง มั่งคั่ง และได้รับการพัฒนา มาตรการนี้ยังมีส่วนช่วยให้ซินเจียงสามารถสร้างสถิติไร้เหตุการณ์ความรุนแรงและก่อการร้ายได้สำเร็จต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รักษาไว้ซึ่งความสงบและสันติสุขในซินเจียง ช่วยให้เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงให้กับการต่อต้านการก่อการร้ายสากล
ทว่า..ความสำเร็จในการจัดการปัญหาก่อการร้ายในซินเจียง กลับเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกมองข้าม และสื่อตะวันตกไม่ได้พูดถึง ในทางตรงกันข้าม กลับมีการใช้ “สองมาตรฐาน”ในการวิพากษ์วิจารณ์ และมองสถานการณ์การพัฒนาของซินเจียงผ่าน“สายตาอันมีอคติ”
ในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกายังได้ผ่าน“ร่างกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ปี 2019” ซึ่งเป็นการจงใจให้ร้ายสภาพสิทธิมนุษยชนในซินเจียง และให้ร้ายต่อความพยายามของจีนในการขจัดลัทธิความรุนแรงสุดโต่งและปราบปรามภัยก่อการร้าย โดยไม่สนใจสภาพความเป็นจริงของซินเจียงที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ความสงบสุขทางสังคม ความสามัคคีในชนชาติ ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
ทั้งนี้ ดร.โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา และอดีตรองนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว CRI ของจีนที่กรุงเทพฯ เกี่ยวกับการที่สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ผ่าน “ร่างกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ปี 2019” โดยเขากล่าวว่า สหรัฐฯ วางแผนใช้ปัญหาสิทธิมนุษยชนสร้างความขัดแย้งในจีน และกดดันจีนทางการเมือง แต่การพัฒนาของชนเผ่าต่าง ๆ ในจีนพิสูจน์ให้เห็นมานานแล้วว่า มาตรการของรัฐบาลจีนต่อปัญหาซินเจียงนั้นถูกต้อง
ดร.โภคิน พลกุล ระบุว่า เขาชื่นชอบคำกล่าวของสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นอย่างมากที่ระบุว่า ไม่มีวัฒนธรรมใดจะทันสมัยกว่าวัฒนธรรมอื่น เพราะล้วนเป็นวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์ของมวลมนุษย์ การที่ชนเผ่าต่างๆอยู่ร่วมกันอย่างฉันมิตร วัฒนธรรมก็จะยิ่งรุ่งโรจน์ตามไปด้วย นอกจากนี้ เขายังเห็นว่า มาตรการของรัฐบาลจีนต่อปัญหาซินเจียงได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดเช่นนี้
• ความจริงย่อมประจักษ์เหนือวาทกรรม
สำหรับชาวซินเจียงส่วนใหญ่แล้ว ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพที่สหรัฐฯ เรียกว่า “ค่ายกักกัน” นั้น เป็นสถานที่สำคัญที่ทำให้พวกเขาพ้นจากแนวคิดหัวรุนแรงและเปลี่ยนชะตากรรมของตนเอง จนในช่วงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ซินเจียงไม่เคยเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นเลยสักครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการปราบปรามการก่อการร้ายและขจัดความรุนแรงหลายประการ ซึ่งรวมถึงการตั้งศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพด้วย
ซินเจียงได้พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนไปพร้อมกับการดำเนินงานเพื่อขจัดความยากจน ชาวซิน เจียงสามารถเข้าถึงหลักประกันสังคมและสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ อยู่เย็นเป็นสุขและมีสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา ซินเจียงได้เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วมากกว่า 200 ล้านคน ขณะที่ตัวเลข GDP ที่สะท้อนการเติบโตทางเศรษกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
Parhat Rozi รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองคัชการ์ และผู้ว่าราชการเมืองคัชการ์ กล่าวว่า ซินเจียงจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างต่อเนื่อง เลือกใช้นโยบายแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดโดยดูตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ รวมพลังทุกภาคส่วนต่อสู้กับปัญหาความยากจน เพื่อบรรลุเป้าหมายขจัดความยากจนสำเร็จทันตามกำหนดปี 2563 ก้าวไปสู่สังคมกินดีอยู่ดีถ้วนหน้าพร้อมกันทั่วประเทศ
ด้าน สวี ไห่หรง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองอุรุมชี กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นมา บรรดาผู้ที่เคยมาเยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพในซินเจียง ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ นักการทูตจากต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวและบุคคลสำคัญทางศาสนา ต่างให้การยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่ามาตรการต่อต้านการก่อการร้ายและขจัดแนวคิดลัทธิสุดโต่งในซินเจียงเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติตามหลักการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายและปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อสกัดกั้นภัยก่อการร้ายจากแนวคิดสุดโต่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สภาพความเป็นจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความพยายามของทางการเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ไม่เพียงแต่นำความสงบสุขกลับคืนมาให้กับประชาชนชาวซินเจียงเท่านั้น หากยังมีบทบาทสำคัญต่อการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศด้วย ตลอดจนเป็นกรณีศึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อความพยายามในการขจัดแนวคิดสุดโต่งในทั่วโลก