CAEXPO เพิ่มพูนความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวจีนต่อสินค้าไทย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นามยง เทอร์มินัล และอุปนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน

ผู้เขียน : หลี หมิ่น (นิตยสาร CAP)

งานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo: CAEXPO) เวทีส่งเสริมความร่วมมือและรวบรวมโอกาสทางธุรกิจที่มีพัฒนาการมายาวนานกว่า 16 ปีต่อเนื่อง และระหว่างทางได้พัฒนาสัมพันธ์กับมิตรเก่าที่แน่นแฟ้นจากประเทศอาเซียนมากมาย หนึ่งในนั้นคือ เทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) และอุปนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน

“ทุกปีที่ไปเข้าร่วมงาน CAEXPO จะได้สัมผัสกับประสบการณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปเสมอ ไม่เพียงแต่ได้พบปะกับเพื่อนเก่าเท่านั้น แต่ยังได้ขยายคอนเนคชั่นของบริษัทในต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย” เทพรักษ์ กล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร CAP (China-ASEAN Panorama) เขาไม่เพียงแต่เอ่ยชื่นชมงาน CAEXPO เท่านั้น แต่ยังได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวการพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-จีนและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในมุมมองของเขาด้วย

ความร่วมมือไทย-จีน ผ่านสายตาผู้สานสัมพันธไมตรีไทย-จีน

“สมาคมมิตรภาพไทย-จีน ในฐานะองค์กรส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีนที่มิใช่ภาครัฐบาล ถือเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากรัฐบาลทั้งสองประเทศ หลังจากการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีนอย่างเป็นทางการ ตลอด 45 ปีที่ผ่านมา สมาคมฯได้ทำหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับประชาชนทั้งสองประเทศมาโดยตลอด ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา และการกีฬา”

หลายปีมานี้ สมาคมฯได้สนับสนุนทางกระทรวงพาณิชย์ของไทย โดยนำคณะผู้ประกอบการไทยเดินทางไปศึกษาดูงานแสวงหาโอกาสการลงทุนและธุรกิจที่ประเทศจีน เช่น นำคณะฯพณฯ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ในขณะนั้นเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมจีน-ไทย ฉงจั่ว ด่านโหยวอี้กวน และเส้นทาง R12 นอกจากนี้สมาคมฯยังได้เข้าร่วมงาน CAEXPO อย่างต่อเนื่องทุกปี ช่วยผลักดันแบรนด์สินค้าไทยสู่ตลาดจีน

ด้านวัฒนธรรมและการศึกษา สมาคมฯเคยเป็นตัวแทนเชิญหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยไปเข้าร่วมงานฟอรั่มวัฒนธรรมจีน-อาเซียนที่นครหนานหนิงแล้วหลายครั้ง จัดงานนิทรรศการศึกษาต่อประเทศจีนมาแล้ว 7 ครั้งต่อเนื่อง เป็นตัวกลางเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสถาบันทางการศึกษาไทย-จีนมาแล้วหลายแห่ง

“ในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาด สมาคมฯได้มอบหน้ากากอนามัย N95 จำนวน 10,000 ชิ้น ให้กับสมาคมมิตรภาพจีน-ไทย ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และเมื่อการแพร่ระบาดในไทยเริ่มรุนแรงขึ้น ทางฝ่ายจีนก็ได้ให้การสนับสนุนประเทศไทยอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน” เทพรักษ์ กล่าว

“ชาวไทยและชาวจีนได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมกันก้าวผ่านความยากลำบาก สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพที่จริงใจดังคำกล่าวที่ว่า ‘จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน’”

เทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นามยง เทอร์มินัล เข้ารับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่นประจำปี 2557 ประเภทรางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม สาขาโลจิสติกส์ จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 泰国南荣码头股份有限公司总裁黄喜源荣获泰国总理巴育颁发的“2014年泰国杰出物流服务企业总理奖”。

CAEXPO เปิดประตูยกทัพสินค้าไทยบุกตลาดจีน

สินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของไทยอย่างหมอนยางพาราที่มีความนุ่มสบาย ทุเรียนอบแห้งรสชาติเข้มข้น และเครื่องต้มยำกุ้งสำเร็จรูปรสเด็ด ล้วนแต่เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อชาวจีนอย่างมากภายในงาน CAEXPO

ไทยในฐานะหนึ่งในประเทศผู้ร่วมจัดงาน CAEXPO คนสำคัญที่เหมาฮอลล์จัดแสดงต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปีได้ร่วมจัดแสดงสินค้าพิเศษของไทยมากมาย อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ตลอดจนจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน

“พาวิลเลียนไทยเป็นโซนที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนมาโดยตลอด เพราะมีการจัดแสดงสินค้าไทยที่หลากหลาย พร้อมกับการการันตีในเรื่องคุณภาพ เนื่องจากสินค้าไทยที่เข้าร่วมได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้วจากฝั่งรัฐบาลไทย สามารถพูดได้ว่าสินค้าไทยได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวจีนมากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มของ CAEXPO” เทพรักษ์ กล่าวพร้อมกับเสริมว่า “งาน CAEXPO เป็นเสมือนบานประตูที่ช่วยผลักดันสินค้าไทยไปสู่ภาคตะวันตก ภาคใต้ และภาคกลางของจีน รวมถึงเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญของสินค้าไทยที่จะเข้ามายังตลาดจีน”

เทพรักษ์มองว่า งาน CAEXPO มีการปรับตัวให้ก้าวทันยุคสมัยและเทคโนโลยี ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของประเทศต่างๆ ควบคู่กันไปกับการโปรโมทวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆ ผ่านโซนนิทรรศการ ‘เมืองแห่งมนต์เสน่ห์’ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมให้งานมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

“วิกฤตการแพร่ระบาด COVID-19 เป็นการต่อสู้ที่กินเวลายาวนาน ทำให้รูปแบบการไปมาหาสู่ระหว่างกันของแต่ละประเทศได้ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงจากออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ งาน CAEXPO ได้ปรับตัวสอดรับกับสถานการณ์นี้ เพื่อทำให้ความร่วมมือของการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและอาเซียนยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งความสำเร็จของงานในตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาของทุกคนเป็นอย่างดี และผมก็เชื่อว่างาน CAEXPO นับวันจะยิ่งได้รับการยกระดับให้ดีมากยิ่งขึ้น” เทพรักษ์ กล่าว

ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลมีแนวโน้มสดใส

ปี 2563 เป็นปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจีน-อาเซียน ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ผู้คนเริ่มหันมาทำงานจากที่บ้าน จัดประชุมทางไกล และจัดการเรียนการสอนผ่านทางออนไลน์มากขึ้น การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมออนไลน์ต่างๆเหล่านี้ ทำให้จีนและอาเซียนตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนในการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น

ตามคำบอกเล่าของผู้บริหารนามยง ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยได้จับมือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในการพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะ ด้านท่าเรือนามยงภายใต้การบริหารงานของบริษัทฯก็ได้สร้างผลงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลมาแล้วไม่น้อยเช่นกัน

ปัจจุบัน ‘ท่าเรือนามยง’ เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการส่งออกและนำเข้ารถยนต์โดยเฉพาะแห่งเดียวในประเทศไทย มีปริมาณการส่งออกเทียบเท่ากับปริมาณการส่งออกรถยนต์รายปีทั้งหมดของไทย ทุกๆปีจะมีรถยนต์หลายล้านคันถูกขนส่งจากที่นี่ไปยังท่าเรือสำคัญกว่า 30 แห่งทั่วโลก ก่อนส่งต่อไปยังประเทศและภูมิภาคต่างๆ นอกจากนี้ ท่าเรือนามยงยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2518 เมื่อปี 2561 ซึ่งถือเป็นบริษัทแรกในไทยที่ได้รับมาตรฐานนี้

“ปัจจุบันการดำเนินงานในท่าเรือนามยง ใช้ระบบพิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร หรือ Paperless ทั้งหมด ตั้งแต่การขนส่งรถยนต์ จนถึงการสื่อสารกับเจ้าของสินค้าและโรงงานประกอบรถยนต์ผ่านทางออนไลน์ เจ้าของสินค้าสามารถตรวจสอบสถานะและติดตามขั้นตอนการขนส่งรถยนต์ทั้งหมดได้แบบเรียลไทม์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต” เมื่อพูดถึงการพัฒนาท่าเรือดิจิทัลในอนาคต เทพรักษ์กล่าวว่า “ในอนาคตเราจะพัฒนาชิปติดตั้งบนรถยนต์ที่ส่งออก เพื่อให้ขั้นตอนการขนส่งสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การบันทึกรุ่นของรถยนต์และข้อมูลการเดินเรือที่จากเดิมใช้คนสแกน จะถูกอัพเกรดเป็นการอ่านและบันทึกแบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้แรงงานคน และทำให้ท่าเรือนามยงเป็นท่าเทียบเรือขนส่งรถยนต์ Ro/Ro อัตโนมัติเต็มรูปแบบ”

เทพรักษ์มองว่า การผสมผสานเศรษฐกิจดิจิทัลเข้ากับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดต้นทุนแรงงาน ลดการสัมผัสของพนักงาน และช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยขยายขนาดการผลิตขององค์กร ซึ่งจะนำไปสู่ผลตอบแทนที่มากขึ้นด้วย

“ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าส่งเสริมยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 อย่างจริงจัง ในอนาคตเทคโนโลยีจะกลายเป็นแกนหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าไทยและจีนยังคงมีช่องทางและศักยภาพการร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลได้อีกมาก” เทพรักษ์ กล่าวทิ้งท้าย


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *