‘จุรินทร์’แสดงวิสัยทัศน์ฟอรั่มผู้นำธุรกิจจีน-อาเซียน ย้ำความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน

            ฟอรั่มผู้นำธุรกิจจีน-อาเซียน ภายใต้กรอบการประชุมสุดยอดการค้าและการลงทุนจีน-อาเซียน ครั้งที่ 18 และการประชุมวาระพิเศษครบรอบ 30 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-จีน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ณ นครหนานหนิง โดย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์  แสดงความยินดีกับความสำเร็จในการจัดประชุมสุดยอดการค้าและการลงทุนจีน-อาเซียน ภายใต้หัวข้อ“ร่วมแบ่งปันโอกาสของระเบียงการค้าระหว่างประเทศทางบก-ทางทะเลแห่งใหม่ สร้างประชาคมแห่งโชคชะตาร่วมกันระหว่างจีน-อาเซียน”

            รองนายกฯจุรินทร์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 30  ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-จีน ซึ่งตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียน-จีน มีบทบาทที่สำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า การเมือง ความมั่นคง สังคมและวัฒนธรรมจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนส่งผลให้จีนและอาเซียนต่างเป็น พันธมิตรทางความร่วมมือที่สำคัญ และเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ที่มีพลวัตมากที่สุด

             ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอาเซียน รวมทั้งประเทศไทยได้พัฒนารุดหน้าและดำเนินไปอย่างแน่นแฟ้น ทั้งสองฝ่ายต่างเคารพซึ่งกันและกัน ตลอดจนได้ร่วมกันเจรจาแก้ปัญหาในด้านต่างๆจนสำเร็จลุล่วง นอกจากนี้ จีนและอาเซียนยังได้ร่วมมือกันอย่างเข็มแข็งในการต่อสู้และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จนถือเป็นต้นแบบความร่วมมือระหว่างประเทศ 

            ในวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปีนี้  ผมขอแสดงความยินดีและชื่นชมรัฐบาลจีนที่ได้พัฒนาประเทศ และทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีกันอย่างถ้วนหน้า และการเปิดกว้างสู่ต่างประเทศภายใต้ “นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่ได้เอื้อต่อนโยบายเปิดกว้างสู่ตลาดต่างประเทศ และได้ช่วยให้เราได้มีติดต่อค้าขายระหว่างกัน ไม่เพียงกับประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ยังรวมถึงประเทศในภูมิภาคอื่นๆ  ซึ่งก่อให้เกิดความเชื่อมโยงทั้งด้านเศรษฐกิจ การพัฒนา และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน 

            ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับบทบาทของระบบการค้าพหุภาคีในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกเช่นเดียวกันกับจีน และการที่ไทยได้เข้าร่วมลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) สะท้อนให้เห็นว่าไทยสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง ครอบคลุม ทันสมัย ต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ร่วมกันและยึดตามกฎเกณฑ์

            แม้ขณะนี้ความตกลง RCEP.จะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจตามกรอบความร่วมมือเดิมที่มีอยู่ แต่ในอนาคตความตกลงดังกล่าวจะขยายความร่วมมือออกไปมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ไทยและจีนจึงควรดำรงไว้ซึ่งความร่วมมืออย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งร่วมมือกับประเทศสมาชิก RCEP เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่เปิดกว้าง โปร่งใส ยุติธรรม และมีเสถียรภาพ

            อย่างไรก็ตาม การจัดประชุมสุดยอดการค้าและการลงทุนจีน-อาเซียนประสบความสำเร็จอย่างดีมาแล้วถึง 17 ครั้ง ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของทั้งสองฝ่ายที่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

            ฟอรั่มผู้นำธุรกิจจีน-อาเซียน ภายใต้กรอบของการประชุมฯครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ทิศทางของการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-อาเซียน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการแบ่งปันผลสำเร็จของความร่วมมือ สิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้รัฐบาลและแวดวงเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ได้เห็นถึงพลังของ “ความร่วมมือในการพัฒนา และได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการแลกเปลี่ยนทางการค้า และบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาความร่วมมือและได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน

            สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีนเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดฟอรั่มผู้นำธุรกิจจีน-อาเซียนขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ผมหวังว่าทุกท่านที่มาจากแวดวงธุรกิจจีน-อาเซียนจะสามารถแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์สำคัญครั้งนี้ร่วมกัน ประเทศไทยมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนการจัดฟอรั่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอให้เราได้จับมือกันก้าวไปข้างหน้าและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้สูงขึ้นไปอีก


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *