
ประเทศจีนมีประเพณี กินปาเป่าโจวหรือโจ๊กแปดทรัพย์ เมื่อถึงเทศกาลล่าปา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ซึ่งชาวจีนจะกินโจ๊กแปดทรัพย์หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า “ล่าปาโจว” เพื่อขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล
โจ๊กธัญพืชมีส่วนผสมของข้าวจาปอนิกา ข้าวเหนียว หรือข้าวเหนียวดำเป็นวัตถุดิบหลัก และเพิ่มวัตถุดิบรองต่างๆเพื่อต้มเคี่ยวเป็นโจ๊ก เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วแปบ พุทรา เมล็ดท้อ ถั่วลิสง เม็ดบัว ลำไย ถั่วไพน์ ฮ่วยซัวหรือมันเทศจีน ดอกลิลลี่ เม็ดเก๋ากี๊ เคียมซิก ลูกเดือย ฯลฯ ซึ่งอุดมไปด้วยใยอาหาร
โจ๊กธัญพืช “MIKU” เริ่มบุกตลาดจีน
หวัง คังผิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มังคิ คิง ฟูด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายโจ๊กธัญพืช แบรนด์ MIKU เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มนำโจ๊กธัญพืช MIKU ไปเจาะตลาดจีน หลังจากได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับแพลตฟอร์มส่งเสริมการค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของจีน-อาเซียน (CASTPP) เมื่อเดือนกันยายน 2559 ขณะเดียวกันยังได้ขยายช่องทางการจำหน่าย ด้วยการเข้าร่วมแพลตฟอร์มช็อปปิ้ง “Happigo” ของสถานีโทรทัศน์หูหนานอีกด้วย
ด้วยแบรนด์ที่เน้นจำหน่ายสินค้า สุขภาพและธรรมชาติ เมื่อเปิดตัว สินค้าจึงได้รับความนิยมชื่นชอบจากผู้บริโภคชาวจีนอย่างกว้างขวาง เพราะจากรายงานผู้บริโภคชาวจีน ปี 2559 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคมากกว่า 50% นิยมอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนั้น “อาหารเพื่อสุขภาพ” จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกของผู้บริโภคชาวจีน
สอดคล้องกับข้อมูลการสำรวจของ INNOVA หน่วยงานสำรวจวิจัยผู้บริโภคทั่วโลกของเนเธอร์แลนด์ แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวจีนจำนวน 81% มีความเห็นต่อคำชี้แจงที่ว่า “ปลอดสารเจือปน” หรือ “ไม่มีส่วนผสมเทียม” เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนผู้บริโภคชาวจีนจำนวน 65% มีความโน้มเอียงต่อแบรนด์ที่ชี้แจงว่า “ไม่มีส่วนผสมเทียม”
ประสบการณ์ 12 ปี จากธุรกิจเล็กๆ ในไทย
ขณะที่โจ๊กธัญพืช แบรนด์ MIKU ไม่ใส่สารเติมแต่งใดๆ รสชาติไม่มีผิดเพี้ยนไปจากเดิม คงความเป็นอมตะในด้านรสชาติต้นตำรับและอร่อยถูกปาก ตั้งแต่เข้ามาลงทุนในตลาดไทย ก็ได้รับความนิยมชื่นชอบจากผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดในไทยเองก็เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะธัญพืชอุดมไปด้วยใยอาหารและโปรตีน
“บริษัทเราก่อตั้งในปี พ.ศ. 2548 ดำเนินกิจการมา 12 ปีแล้ว จากธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จัก พัฒนาจนกลายเป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย จึงขอบคุณทุกคนและผู้บริโภคที่สนับสนุนและเชื่อใจเรามาโดยตลอด” หวัง คังผิงกล่าว
จากสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของประเทศไทยที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกข้าว ธัญพืช รวมถึงผลไม้ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ครัวโลก ด้วยจุดแข็งของการเกษตรไทย สอดคล้องกับแนวคิดของบริษัท โรงงานสุขภาพและมอบสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้บริโภค จึงกลายเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์โจ๊กธัญพืช แบรนด์ MIKU

หวัง คังผิงยังกล่าวอีกว่า โจ๊กธัญพืช แบรนด์ MIKU ได้คัดสรรธัญพืชคุณภาพดีที่ผลิตในประเทศไทย เช่น เม็ดบัว ข้าวหอมมะลิ ข้าวโพด ถั่วแดงเล็ก ถั่วแดงใหญ่ ลูกเดือย และข้าวเหนียวดำ ฯลฯ และเพิ่มบุกไข่มุกที่อุดมไปด้วยใยอาหาร หลังจากคัดกรองวัตถุดิบ กรองสารเจือปนและสารโลหะด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติแล้ว วัตถุดิบจะถูกส่งต่อมายังแรงงานคนเพื่อคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน รับประกันคุณภาพของวัตถุดิบ จากนั้นใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัย นำวัตถุดิบที่ล้างสะอาดเติมลงไปในกระป๋อง หลังจากนั้นค่อยนึ่งต้มและฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการของวัตถุดิบ
เดินหน้าสร้างผลิตอาหารสุขภาพชั้นหนึ่ง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยยังให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยระยะแรกในการก่อตั้งโรงงาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ก็ได้มอบ หนังสือรับรองให้แก่บริษัท มังคิ คิง ฟูด จำกัด รวมทั้งได้รับการยกเว้นภาษี และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ประเทศไทย) ได้สนับสนุนการปลูกต้นบุกของบริษัท และเชิญบริษัทเข้าร่วมกิจกรรมและงานนิทรรศการที่กระทรวงฯ
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ บริษัทฯ กลายเป็นที่รู้จักของสังคมไทย คือ ที่ผ่านมาบริษัทได้จัดกิจกรรมการกุศลและตอบแทนสังคม มีการรายงานข่าวสารผ่านสื่อ ทั้งภาษาจีน ไทยและอังกฤษ เพื่อสร้างความรู้จักแบรนด์ รวมถึงการสนับสนุนและช่วยเหลือต่างๆ ของรัฐบาลไทย ทำให้บริษัทกลายเป็นธุรกิจที่ค่อยๆ มีชื่อเสียง
สำหรับแผนงานในอนาคต หวัง คังผิงบอกว่า ตั้งปณิธานที่จะสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนในระยะยาว โดยทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่สดใส และผลิตอาหารสุขภาพชั้นหนึ่ง สร้างความผาสุกแก่ประชาชนและตอบแทนสังคม เพราะรายได้มาจากผู้บริโภค จึงต้องเอาชนะใจผู้บริโภค
