‘IFS’ ติดปีกธุรกิจไทย ทะยานสู่อนาคต ด้วยเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์

            เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตที่มีหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนมนุษย์ จะไม่ใช่แค่จินตนาการในหนังไซไฟอีกต่อไป เมื่อเทคโนโลยีที่ชื่อว่า AI (Artificial Intelligence) หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” และหุ่นยนต์ (Robotic) กำลังเข้ามามีบทบาทปฏิวัติโลก

            เฉิน จงผิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท Inter Function Service จำกัด หรือ IFS บริษัทผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะจากจีนที่เข้ามาปักธงทำธุรกิจในไทย ฉายภาพให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในภาคธุรกิจว่า ปัจจุบัน ในประเทศจีน  เทคโนโลยี AI ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น การสแกนใบหน้าเพื่อจ่ายเงินผ่าน Alipay ที่คนจีนต่างคุ้นเคย

            ไม่เพียงแต่ในอุตสาหกรรมการเงิน แต่เทคโนโลยี AI ยังถูกนำมาใช้กับระบบดูแลรักษาความปลอดภัย การทำธุรกิจค้าปลีกรูปแบบใหม่ เทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ (Smart Building)  การจัดการเมืองอัจฉริยะ(Smart City) รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นเรียกรถโดยสาร ระบบการตรวจคัดกรองคนเข้า-ออกภายในสนามบิน

            เทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้ได้เข้าช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน และยังนำความสะดวกสบายมาสู่ทั้งองค์กรบริษัทและประชาชนทั่วประเทศ เทียบได้กับการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยให้ชีวิตมนุษย์สะดวกสบายขึ้น


            IFS เป็นบริษัท HiTech Service ที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ บุกเบิกโดยนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ชาวจีน เฉิน จงผิง  ก่อตั้งเมื่อปี 2560 เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2561 โดย IFS ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่มีศักยภาพในการวางแผนระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ครอบคลุมหลากหลายสาขา อีกทั้งยังมีความหลากหลายในการให้บริการ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของหุ่นยนต์ได้ตามความต้องการของลูกค้า  ดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการแบบ End to End (E2E)

            เป้าหมายของ IFS คือ การนำเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ที่ผ่านการพัฒนาเป็นอย่างดีแล้ว เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการของบริษัทไทย ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดต้นทุนดำเนินการและบำรุงรักษาของบริษัท

            เฉิน บอกว่า IFS เราไม่ได้ขายแค่เทคโนโลยี แต่ยังเข้ามาช่วยพัฒนาระบบ พร้อมทั้งดูแลบริการหลังการขายให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร ทำให้การเริ่มต้นนำระบบ AI มาใช้งานในเชิงธุรกิจในประเทศไทย ไม่ใช่เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป และยังตอบโจทย์การใช้งานได้จริง

เฉิน จงผิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท Inter Function Service จำกัด

            ธุรกิจของ IFS ประกอบด้วย 2 บริการหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ครบวงจร (AI) และหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Robotic)

            ในด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์ IFS ถือเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นหุ่นยนต์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้กับภาคธุรกิจต่างๆ ได้แก่ 1.หุ่นยนต์บริการ (Service Robot) , 2.หุ่นยนต์แทนคนในคลังสินค้า( Warehouse Robot) , 3.หุ่นยนต์ให้บริการกิจกรรมในเชิงพาณิชย์ (Commercial Robot),และ 4. หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robot)

            ปัจจุบัน หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่เทคโนโลยีที่จะเห็นได้แค่ในหนังไซไฟอีกต่อไป แต่มีตัวอย่างการใช้งานปรากฎให้เห็นในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆในประเทศชั้นนำทั่วโลก เช่น ธุรกิจโรงแรมหรูในจีนที่เริ่มนำหุ่นยนต์ และระบบ AI ให้บริการกับผู้เข้าพัก

            การใช้หุ่นยนต์บริการแทนคนในธุรกิจร้านอาหารทั้ง ร้านชาบู และร้านพิซซ่า, การใช้หุ่นยนต์ในระบบคลังสินค้าที่สามารถขนย้ายสินค้าด้วยรถโฟล์คลิฟท์แบบไร้คนขับ  ,การใช้หุ่นยนต์แม่บ้านที่สามารถทำความสะอาดพื้นที่ได้ถึง 9,600 ตารางเมตรต่อวัน สูงกว่าการใช้แรงงานคนหลายเท่าตัว เป็นต้น

            นอกจากความสามารถในการส่งมอบโซลูชั่นหุ่นยนต์ที่หลากหลายแล้ว IFS ยังมี ความสามารถในการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า (Face Recognition) แยกแยะเสียง และการวิเคราะห์ข้อมูลบนคลาวด์

            เฉิน เล่าว่า เทคโนโลยี Facial Recognition ได้เข้ามามีบทบาทในหลายธุรกิจแล้ว โดยเฉพาะธุรกิจบริการอย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ  เพียงแค่กล้องสแกนใบหน้า ก็สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เช่น ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าร้าน เมนูที่ชอบสั่ง ความถี่ในการซื้อ ฯลฯ จึงช่วยในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขาย และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งงานเก็บข้อมูลสถิติเหล่านี้เป็นงานที่มนุษย์หลายคนไม่สามารถทำได้เทียบเท่ากับหุ่นยนต์ ปัจจุบัน เทคโนโลยียังก้าวล้ำไปสู่การชำระเงินด้วยใบหน้าแทนเงินสดหรือ Face Payment อีกด้วย

            ในภาคธุรกิจการเงินการธนาคาร หลายประเทศชั้นนำเริ่มมีการนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้กับระบบยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ในการทำธุรกรรรม นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังถูกนำไปใช้กับระบบรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนและที่ทำงาน โดยใช้ใบหน้าปลดล็อกประตู

            เทคโนโลยี AI และ Data Analysis  ยังเข้ามามีบทบาทในการยกระดับธุรกิจ E-Commerce ช่วยให้การตลาดแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Personalized Marketing สามารถทำได้ง่ายขึ้น โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการจัดเก็บและวิเคราะห์ นำเสนอโปรโมชั่นส่วนลด หรือสินค้าที่น่าสนใจ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคนที่แตกต่างกันตามประวัติการเข้าชมสินค้า และการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า

AIS DigitALL Shop ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า จังหวัดภูเก็ต

            จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์เหล่านี้ได้เข้ามามีบทบาทแล้วในหลายวงการธุรกิจทั่วโลก ซึ่งคาดว่าในปีนี้ น่าจะเป็นปีที่คนไทยจะได้สัมผัสเทคโนโลยีเหล่านี้ในชีวิตจริงมากขึ้น  ตัวอย่างเช่น โครงการร้านค้าไร้พนักงาน (The Unmanned Store) แห่งแรกในไทย ที่ร่วมมือกับ AIS หนึ่งในผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีอย่างยิ่ง เป็นการนำระบบ AI มาใช้ในการยกระดับงานบริการ

            “ AIS เป็น 1 ใน 3 ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีระดับสูง  ทั้ง AIS กับ IFS มีเป้าหมายเดียวกัน คือ นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้

            ร้านค้าไร้พนักงานแห่งแรกในไทยที่ภูเก็ต เป็นตัวอย่างหนึ่งของการนำเทคโนโลยี AI มาใช้จริงในไทย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า แยกแยะเสียงและการวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะ การก้าวสู่ยุค 5G ที่สามารถส่งต่อข้อมูลได้จำนวนมากขึ้นเวลาสั้นๆ จะส่งผลให้เทคโนโลยี AI  เข้ามาอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันด้านต่างๆได้มากขึ้น” เฉิน กล่าว

            สำหรับทิศทางแนวโน้มการพัฒนา AI ในประเทศไทย ผู้บริหาร IFS มองว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำเทคโนโลยีมาใช้ ตลาดจึงยังมีโอกาสเติบโตอีกมากโดยเฉพาะในภาคธุรกิจบริการของไทย แต่สิ่งสำคัญ ณ ตอนนี้คือ การเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจว่าจะนำ AI มาใช้พัฒนาธุรกิจและยกระดับประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้อย่างไร รวมถึงการพัฒนาบุคลากรเข้ามารองรับในตลาด

            “ AI ต้องนำไปใช้ได้จริง จึงจะเกิดคุณค่าสูงสุด แม้ว่าต้นทุนแรงงานในไทยจะต่ำกว่าจีน แต่บริษัทไทยยังมีแนวคิดที่เปิดกว้างต่อการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต นอกจากนี้ ความต้องการปัญญาประดิษฐ์ในองค์กรต่างๆก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมองเห็นโอกาสดีๆในอนาคตของตลาดไทย” ผู้บริหาร IFS กล่าว


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *