การท่องเที่ยวในประเทศจีน มีการขยายตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการเริ่มดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศผ่านมาถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 40 ปี
จากข้อมูลของ China Tourism Academy (CTA) ในปี 2560 สถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวขาเข้าของจีนอยู่ที่ 139.48 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเปิดประเทศใหม่ๆในปี 2521 ที่มีเพียง 1.8 ล้านคน แม้ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงบ้างในบางปี
ในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจีนแผ่นดินใหญ่ราว 29.1 ล้านคน เติบโตเพิ่มขึ้น 3.6% จากปีก่อน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 6.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้น 4.1% โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เพิ่มขึ้นมาจากประเทศที่ตั้งอยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ของจีน
ขณะที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ได้เปิดเผยถึงสถิติการท่องเที่ยวขาเข้าโดยรวมว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา จีนมีตัวเลขยอดนักท่องเที่ยวขาเข้าอยู่ที่ 141 ล้านคน คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 1.2% ต่อปี สร้างให้เกิดรายได้สู่ภาคการท่องเที่ยวในประเทศกว่า 1.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้น 3% จากปี 2560
จุดหมายการท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก…อนาคตที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
จีนเป็นยักษ์ใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตาในแผนที่การท่องเที่ยวโลก จากการเปิดเผยรายงานของ Euromonitor International บริษัทวิจัยระดับโลก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 มีการคาดการณ์อนาคตไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2573 หรือ ค.ศ. 2030 จีนจะกลายเป็นจุดหมายอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวประมาณ 127 ล้านคน แซงหน้าฝรั่งเศส ขึ้นเป็นผู้นำ ด้วยอานิสงส์จากพลังของ ‘ชนชั้นกลาง’ ในเอเชียที่ขยายตัวต่อเนื่องและหันมาใช้จ่ายเงินกับการท่องเที่ยว
Euromonitor คาดการณ์ว่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยว 1,400 ล้านเที่ยวในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 5 % จากปีก่อน และภายในปี 2573 หรืออีก 12 ปีข้างหน้าจะมีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งพันล้านเที่ยว โดยเวลานั้นจีนจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนมากที่สุดในโลก
รายงานระบุว่า ความเฟื่องฟูอันยั่งยืนของธุรกิจการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งมีอัตราการเติบโตล้ำหน้าติดต่อกันนาน 8 ปีในระบบเศรษฐกิจโลกนั้น เกิดขึ้นอย่างชัดเจนใน ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ ภูมิภาคที่ได้ประโยชน์จากชาติเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วและการขยายตัวของชนชั้นกลางที่เลือกใช้จ่ายเงินรายได้ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ
วาวเตอร์ เกียร์ตส์ (Wouter Geerts) ที่ปรึกษา Euromonitor และผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ กล่าวในงาน World Travel Market ที่ลอนดอน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 ที่ผ่านมา ว่า การท่องเที่ยวได้กลายมาเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบบเศรษฐกิจจีน ซึ่งจีนได้มีการทุ่มลงทุนจำนวนเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชนให้ได้มาตรฐาน เพื่อตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยวที่เป็นสากลและมิตรกับผู้มาเยือน รวมไปถึงกระบวนการผ่อนปรนการขอวีซ่าช่วยให้การเดินทางในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น และยังมีกิจกรรมกีฬาระดับโลกที่จีนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ฤดูหนาว ปี 2022 ของปักกิ่งที่เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยว ขณะที่เทคโนโลยียุคใหม่ก็มีส่วนสำคัญในการเติบโตนี้ ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Ctrips และ Friggy ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในจีนง่ายขึ้น
ปัจจุบัน ประเทศที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก 3 อันดับแรก ได้แก่ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และสเปน โดยมีจีนตามมาเป็นอันดับที่ 4 ซึ่งไม่เพียงแต่การต้อนรับนักท่องเที่ยวเท่านั้นที่จีนจะขึ้นมาครองเบอร์ 1 แต่ Euromonitor ยังคาดการณ์ด้วยว่าจำนวนชาวจีนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวยังต่างประเทศจะแซงหน้าชาวอเมริกันและชาวเยอรมันขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ภายในปี 2573 โดยคาดว่าจะมีจำนวนสูงถึง 260 ล้านคน
“ เมื่อปีที่แล้วจีนมีการเดินทางภายในประเทศมากกว่า 5.5 พันล้านครั้ง โดยเฉลี่ย 4 ครั้งต่อคนซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนได้เข้าสู่ยุคของการท่องเที่ยวแบบมวลชน ( Mass Tourism)” Luo Shugangรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของจีน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยสำนักข่าว People’s Daily ของจีน ระบุว่า จากการคำนวณในเบื้องต้น ในปีที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวของจีนได้สร้างรายได้สู่ระบบเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 9.94 แสนล้านหยวน หรือคิดเป็นสัดส่วน 11.04% ของ GDP โดยก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อม 79.91 ล้านตำแหน่ง คิดเป็นสัดส่วน 10.29% ของการจ้างงานทั้งหมดในประเทศ
การขยายตัวของการท่องเที่ยว ทำให้จีนต้องเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งท่องเที่ยวให้ได้คุณภาพมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยทางการจีนได้ให้ความสำคัญกับนโยบาย “ปฏิวัติห้องน้ำ” มาตั้งแต่ปี 2558 โดยปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงห้องน้ำตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆไปแล้ว 3 หมื่นห้อง และจะดำเนินการเพิ่มจำนวนและปรับปรุงสุขอนามัยห้องน้ำอย่างต่อเนื่องในอีก 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ รัฐมนตรีท่องเที่ยวของจีน ยังกล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการยกระดับการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวของจีนจะมีการคุมเข้มควบคุมดูแลคุณภาพการบริการของทั้งโรงแรม ร้านอาหาร มัคคุเทศก์และร้านค้าต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น
CNTA ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวไทยไปจีนทะลุ 1 ล้านคน
หากนึกถึงการไปเที่ยวประเทศจีน เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง กำแพงเมืองจีนเป็นอันดับต้นๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว จีนยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนอีกมากมาย หลายแห่งยังจัดให้อยู่ในลิสต์ “สถานที่ที่ต้องไปเที่ยวสักครั้งก่อนตาย” อย่างเช่น พระราชวังฤดูร้อน อุทยานแห่งชาติอี้เหอหยวน สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว ฯลฯ
หลายเมืองใหญ่ในประเทศจีนเป็นศูนย์รวมความหลากหลาย เป็นทั้งเมืองไฮเทค เมืองท่องเที่ยว ศูนย์กลางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีล้ำสมัย เมืองหลักๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจง และเซียะเหมิน เป็นจุดหมายสำหรับการไปชมสถานที่ประวัติศาสตร์ สิ่งมหัศจรรย์ระดับโลกที่มนุษย์เป็นคนสร้าง ย่านชอปปิงสินค้าต่างๆ
ในขณะที่เมืองป่าเขา เช่น คุนหมิง เฉิงตู และหางโจว เป็นจุดหมายแห่งการไปชมทัศนียภาพสวยๆ และเที่ยวแบบอิงธรรมชาติ และสำหรับคนรักประวัติศาสตร์คงต้องไม่พลาดไปชมสุสานโบราณที่ซีอาน
จีนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เติมเต็มประสบการณ์ในทุกรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะมองหาอะไร? จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปจีนที่ยังอยู่ใน “หลักแสน”ปลายๆ วันนี้ จึงยังมีโอกาสและช่องว่างในการขยายตลาดได้อีกมากในอนาคต
ด้วยการเล็งเห็นถึงศักภาพดังกล่าวของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จึงนำมาสู่การจัดตั้งสำนักงานแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ ในเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งนับเป็นสำนักงานประจำต่างประเทศแห่งที่ 22 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน หรือ China National Tourism Administration ( CNTA)
มิสจาง ซินหง ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ กล่าวว่า ไทยกับจีนต่างเป็นตลาดท่องเที่ยวของกันและกันที่สำคัญ โดยปัจจุบัน คนจีนและคนไทยมีการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันเพิ่มขึ้น จากปัจจัยการเชื่อมต่อคมนาคมที่อำนวยความสะดวกสบายในการเดินทาง
ในปี 2561 ที่ผ่านมา มีเที่ยวบินที่บินเชื่อมระหว่างไทย-จีน จำนวนมากกว่า 1,000 เที่ยวบิน ต่อสัปดาห์ การเดินทางไปเที่ยวจีนเดี๋ยวนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง เที่ยวได้ทุกฤดู แถมการเดินทางสะดวกสบายขึ้นมาก เพราะจีนมีโครงการเชื่อมต่อทั้งประเทศด้วยรถไฟความเร็วสูงที่มีความยาวเส้นทางถึง 29,000 กิโลเมตร รวมทั้งถนน highway เชื่อมระหว่างเมืองต่างๆ ระยะทางรวม 136,500 กิโลเมตร
“ จีนมีสายการบินกว่า 10 แห่งที่เปิดบริการจากจีนบินมาไทย ในขณะที่สายการบินของไทยก็มีการปรับเพิ่มเที่ยวบินและเส้นทางบินไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆในจีนมากขึ้น เช่น สายการบินไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ เปิดเส้นทางบินใหม่กรุงเทพฯ-ซานย่า , สายการบินเซียะเหมินแอร์ไลน เปิดเส้นทางฝูโจว-ภูเก็ต”
มิสจาง กล่าวว่า ทางการจีนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในแต่ละมณฑล โดยเฉพาะนโยบายการ “ปฏิวัติห้องน้ำ” ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวของจีนให้เป็นที่ยอมรับและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังจีนมากขึ้น
“ การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง การร่วมมือกันด้านการท่องเที่ยวจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคได้เป็นอย่างดี ทุกมณฑลยินดีเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว และขอเชิญชวนให้ชาวไทยไปเที่ยวประเทศจีนกันมากๆ”
นับตั้งแต่ปี 2558 -2561 นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปจีนมีการเติบโตขึ้นทุกปี จาก 6.4 แสนคนในปี 2558 ไต่ระดับขึ้นมาอยู่ที่ 8.3 แสนคนในปี 2561 โดยคาดว่าแนวโน้มในปี 2562 จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความร่วมมือในการโปรโมทเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ระหว่าง CNTA สำนักงานกรุงเทพฯ กับบริษัททัวร์ในประเทศไทย รวมถึงการขยายเส้นทางและเที่ยวบินไทย-จีนของสายการบินต่างๆที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2562 CNTA ได้ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวไทยไปจีนทะลุ 1 ล้านคน โปรโมทการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมจีน โดยชูภาพลักษณ์จุดขาย“Beautiful China”
สำหรับ 2 กิจกรรมสำคัญเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจีนในไทยที่ CNTA จะจัดขึ้นในปีนี้ เริ่มจากกิจกรรมแรกในเดือนพฤษภาคม กับกิจกรรมประชาสัมพันธ์สัปดาห์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจีน ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ ตามมาด้วยกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว Beautiful China ในประเทศไทย ในเดือนตุลาคม พร้อมทั้งการจัดทัวร์ไทยไปเยี่ยมชมเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆในจีน รวมทั้งแต่ละมณฑลของจีนที่มีแผนจะเดินทางมาเผยแพรประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่เมืองไทยด้วยตัวเองอีกด้วย
“ ปัจจุบัน 5 อันดับจุดหมายยอดนิยมในจีนทีนักท่องเที่ยวไทยนิยมไปมากที่สุด ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู กว่างโจว และฉางซา จึงยังมีโอกาสและศักยภาพอีกมากในการดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้ไปจีนมากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆที่น่าสนใจ มีภูมิทัศน์ทางธรรมชาติงดงามแปลกตา ซึ่งมีคนไทยไปเที่ยวยังไม่มาก อย่างเช่นในแถบภาคตะวันตกเฉียงเหนือ กานซู่ ซิงเจียง ชิงไห่ ส่านซี เป็นต้น”