Yili Group ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมนมที่โลกต้องจับตา

 อี่ลี่ กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2499 และครองตำแหน่งผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดในจีนด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 60 ปี 

    

         กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์นมคุณภาพของ อีลี่ กรุ๊ป (Yili Group) บริษัมนมอันดับหนึ่งในเอเชีย ต้องผ่านขั้นตอนพิถีพิถันขนาดไหน?  อะไรคือหัวใจความสำเร็จ ? ที่ทำให้บริษัทนมที่ใหญ่ที่สุดจาก“ดินแดนแห่งทุ่งหญ้า”ของจีน โลดแล่นสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนมที่โลกต้องจับตา

             

 

 

 

 

            TAP Magazine ได้รับเชิญร่วมเป็นหนึ่งใน 11 สื่อชั้นนำจากประเทศในอาเซียน เข้าเยี่ยมชมฐานการผลิต พร้อมสัมภาษณ์พิเศษ จาง อี้เผิง รองประธานอีลี่ กรุ๊ป และ ซ่ง คุนกัง ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมอุตสาหกรรมนมแห่งประเทศจีน และประธานคณะกรรมการสหพันธ์นานาชาติด้านผลิตภัณฑ์นม (International Dairy Federation-IDF) ประจำประเทศจีน ณ สำนักงานใหญ่ของอีลี่ กรุ๊ป ในเมืองฮูฮอต เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน

            การมาเยือนบ้านเกิดของอีลี่ กรุ๊ป ครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมนมในจีน ที่มีการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานการจัดการระดับสากล  สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของน้ำนมและผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

            มีทั้งการจัดการฟาร์มโคนมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งมีการติด Ear Tag เพื่อระบุตัวตนวัวแต่ละตัว เพื่อเก็บบันทึกข้อมูลสุขภาพผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนที่น้ำนมคุณภาพเหล่านี้ จะเข้าสู่กระบวนการผลิตและแปรรูปในโรงงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งมีการนำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามาใช้ จนแทบไม่ต้องใช้แรงงานคนในสายการผลิต

            นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารถึง 3 ระดับ ทำให้บริษัทสามารถดำเนินการติดตาม วิเคราะห์ จัดการ และป้องกันจุดสำคัญ ๆ เพื่อความปลอดภัยของอาหาร ตลอดจนควบคุมคุณภาพตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบไปจนถึงปลายทางของสินค้า

  • 6 ทศวรรษแห่งการเติบโต

             อี่ลี่ กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2499 และครองตำแหน่งผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดในจีนด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 60 ปี   ปัจจุบัน บริษัทรั้งตำแหน่งบริษัทนมอันดับหนึ่งของเอเชีย จากรายงานการจัดอันดับGlobal Dairy Top 20 Report 2018″ ที่เผยแพร่โดย Rabobank และเป็นบริษัทนมเพียงแห่งเดียวที่นำผลิตภัณฑ์มาให้บริการในการแข่งขันกีฬาระดับโอลิมปิกทั้งในฤดูหนาวและฤดูร้อน

            ผลประกอบการในปี 2561 ที่ผ่านมา อีลี่ กรุ๊ป มีรายได้รวมเกือบ 8 หมื่นล้านหยวน ครองตลาดเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดในจีนเป็นเวลาหลายปี ด้วยยอดขายในแต่ละวันกว่า 100 ล้านแพคเกจ

            ปัจจุบัน บริษัทยังมีการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย เพื่อมุ่งสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้ให้บริการด้านอาหารสุขภาพที่น่าเชื่อถือในระดับโลก

            “ไม่มีนวัตกรรม ไม่มีอนาคต” ( No Innovation , No Future) เป็นปรัชญาการดำเนินธุรกิจภายใต้การนำของ ผาน กัง ประธานอีลี่  กรุ๊ป ด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมทั้งเดินหน้าส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนา บูรณาการทรัพยากรจากทั่วโลก ตลอดจนพัฒนาแพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อทำการวิจัยในด้านอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ

             ในยุโรป อีลี่ กรุ๊ป ได้จับมือกับมหาวิทยาลัยวาเกนนิงเกน (Wageningen University) ในเนเธอร์แลนด์เพื่อจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมประจำยุโรปของอีลี่  ส่วนในอเมริกาเหนือ อีลี่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำในสหรัฐ เพื่อจัดตั้ง SINO-U.S. Food Wisdom Valley” และในโอเชียเนีย อีลี่ได้ลงทุนสร้าง “ฐานการผลิตประจำโอเชียเนียของอีลี่ กรุ๊ป” ซึ่งเป็นฐานการผลิตผลิตภัณฑ์นมครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

            การวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีการผลิตนมปราศจากน้ำตาลแลคโตส ของอีลี่ กรุ๊ป เป็นตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค หลังจากพบสถิติว่ามีผู้บริโภคในเอเชียจำนวนมากที่มีอาการแพ้แลคโตส จนกลายเป็นที่มาของการเปิดตัวนมปราศจากน้ำตาลแลคโตส (lactose-free milk) แบรนด์ Shuhua Milk

 

 

           นอกจากนี้ อีลี่ กรุ๊ป ยังได้พัฒนา นวัตกรรมโยเกิร์ต แบรนด์ Ambrosial  โยเกิร์ตบรรจุขวดแบรนด์แรกที่สามารถเก็บในอุณหภูมิห้อง โดยไม่ต้องแช่เย็น อีกทั้งยังมีโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 35% 

           นวัตกรรมดังกล่าวถึงเป็นการเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการบริโภคโยเกิร์ตของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตขึ้น  ซึ่งถือเป็นการทลายข้อจำกัดเดิมของสินค้าโยเกิร์ตที่ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนซัพพลายน้ำนมดิบ และการขนส่งแบบควบคุมความเย็น (cold chain logistics) ที่มีต้นทุนสูง 

 

 

 

  • ขยายฐานสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

            การขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหมุดหมายหนึ่งที่สำคัญของอีลี่ กรุ๊ป เพื่อเดินหน้าสู่การสร้างเส้นทางสายไหมอุตสาหกรรมนม หรือ “Silk Road Of Dairy” สอดรับกับยุทธศาสตร์ความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative)

             การพัฒนาสินค้าที่มีความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มของผู้บริโภค เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของอีลี่ในการเปิดตลาดสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ เมียนมา มาเลเซีย และประเทศอื่นๆในอาเซียนเป็นเป้าหมายที่สำคัญ 

 

             การเปิดตัวแบรนด์ไอศกรีม Joyday บุกตลาดอินโดนีเซียในปี 2561 นับเป็นหลักชัยสำคัญของแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากจีน  โดยเฉพาะการส่งไอศกรีมกาแฟมอคค่าสูตรพิเศษแบรนด์ Joyday ที่ใช้ข้อมูลวิจัยตลาด ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติหอมหวาน เข้มข้น เพื่อผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีขนาดไซส์ที่พอเหมาะและราคาย่อมเยา  อีกทั้งยังเตรียมออกรสชาติใหม่ได้แก่ ทุเรียนและมะม่วงให้ได้ลิ้มลองในเร็วๆนี้ 

 

 

             เมื่อปีที่แล้ว อีลี่ กรุ๊ป ยังได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท จอมธนา จำกัด ผู้ผลิตไอศกรีมรายใหญ่แบรนด์ “ครีโม”(Cremo) ในประเทศไทย โดยมีแผนเข้ามาดำเนินการปรับปรุงทั้งกระบวนการผลิต และการตลาด ซึ่งภายในหนึ่งเดือน หลังจากมีการปรับปรุงสายการผลิตใหม่ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 30% พร้อมกันนี้ อีลี่ ยังมีแผนจะเปิดสายการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งภายในสิ้นปีนี้ 

 

 

             ภายใต้แผนการขยายการลงทุนอย่างเต็มรูปแบบในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีลี่ กรุ๊ป ยึดมั่นใน 4 แนวทางที่สำคัญ ได้แก่

  1. การพัฒนาสินค้าที่มีความหลากหลายเพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค
  2. สร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ให้กับเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยนำสุดยอดเทคโนโลยีการผลิตระดับโลกเข้ามายกระดับอุตสาหกรรม
  3. สร้างโอกาสการจ้างงานในท้องถิ่น
  4. ถ่ายทอดโมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยดำเนินธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับความรับผิดชอบสังคม และการดูแลสิ่งแวดล้อม

             ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะเป้าหมายการขจัดความยากจน และขจัดความอดอยาก อี่ลี กรุ๊ป ได้จัดตั้งระบบ WISH” หรือ World Integrally Sharing Health เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในด้านความรับผิดชอบทางสังคม เพื่อสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนทั่วโลก   

            แผนการเติบโตในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ อีลี่ กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ Localization ที่มุ่งปรับการดำเนินธุรกิจให้กลมกลืนเข้ากับความเป็นท้องถิ่น พร้อมทั้งยึดมั่นในกลยุทธ์เสาะหาบุคลากรมากความสามารถในประเทศที่ทำธุรกิจ โดยพนักงานของอี่ลี่ที่ทำงานอยู่ในไทยและอินโดนีเซีย เป็นพลเมืองท้องถิ่นในสัดส่วนกว่า 85% จากทั้งหมด

            อีลี่ กรุ๊ปยังให้ความสำคัญกับการสืบสานความเป็นตำนานของแบรนด์ไอศครีมครีโมที่อยู่คู่คนไทยมากกว่า 40 ปี โดยนำความแข็งแกร่งของอีลี่ กรุ๊ป ที่มีทั้งเครือข่ายและมาตรฐานการดำเนินงานระดับโลก เข้ามายกระดับธุรกิจ เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน นอกจากนี้ อีลี่ กรุ๊ป ยังมีแผนก่อสร้างโรงงานใหม่ในอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดสายการผลิตได้ในปีหน้า

            การขยายธุรกิจสู่สากลของอีลี่ กรุ๊ป ในโลกยุคไร้พรมแดน กำลังมาพร้อมกับการสร้างจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับอุตสาหกรรมนมทั่วโลก โดยมุ่งบูรณาการทรัพยากรทั่วโลกทั้งในด้านอุตสาหกรรม ตลาด และนวัตกรรม สู่การสร้าง Global Health Ecosystem” เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีกว่าของผู้คนทั่วโลก 

———————————-

Your email address will not be published. Required fields are marked *