ต่อมาถนนเยาวราชที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของไชน่าทาวน์ กรุงเทพฯ ได้มีการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2435 ในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้เติบโตมาเป็นย่านเศรษฐกิจการค้าที่คึกคักและรุ่งเรืองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ถนนเยาวราชได้รับการขนานนามว่าเป็น “ถนนมังกร” โดยมีจุดเริ่มต้นของหัวมังกรที่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาบริเวณวงเวียนโอเดียน ส่วนท้องมังกรอยู่บริเวณถนนช่วงกลางแถวๆย่านตลาดเก่าที่เต็มไปด้วยร้านทอง ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ และสิ้นสุดปลายหางมังกรที่บริเวณปลายสุดของถนน




วนในช่วงค่ำคืน ริมสองข้างทางบริเวณท้องมังกรของถนนเยาวราชจะเต็มไปด้วยร้านอาหารในแบบ Street Food ซึ่งแต่ละร้านล้วนมีชื่อเสียงในเรื่องความอร่อย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยว กระเพาะปลา ติ่มซำ อาหารตามสั่ง เกาลัดคั่ว ผลไม้นานาชนิด อาหารซีฟู้ดริมทาง ไปจนถึงรังนก หูฉลามในภัตตาคาร
วันนี้ ภาพจำของคนทั่วไปก็คือหากไปเยาวราช จะไปซื้อทอง ไหว้เจ้า และหาของกินอร่อยๆ ไม่ใช่แค่ชาวไทยเท่านั้นที่หลงเสน่ห์เยาวราช แต่ชาวต่างชาติก็ยังหลั่งไหลเข้ามาสัมผัสเสน่ห์ความหลากหลายที่กลายเป็นสีสันเหนือกาลเวลาของเยาวราช
จากย่านเก่าที่ห่างหายจากการลงทุนขนาดใหญ่ไปนานหลายสิบปี เริ่มมีโครงการใหม่ผุดขึ้นรับสถานีรถไฟฟ้าอย่าง โครงการ I’m Chinatown (แอมไชน่าทาวน์) โครงการ Mixed-Use ขนาดใหญ่ที่มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม และคอนโดมิเนียม พื้นที่ 40,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท บนที่ตั้งเดิมของโรงหนังสิริรามาเก่า ที่ดินแปลงใหญ่ผืนสุดท้ายในเยาวราช
สุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ นักธุรกิจเยาวราชผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ เล่าถึงจุดเปลี่ยนเยาวราชว่า การมาถึงของรถไฟฟ้าถือเป็นการพลิกโฉมย่านไชน่าทาวน์ ทำให้การเดินทางเข้าถึงสะดวกมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ด้วยข้อจำกัดในเรื่องที่ดินและความเป็นย่านเก่าในพื้นที่อนุรักษ์ ทำให้การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่เยาวราชเกิดขึ้นได้ยาก




โครงการ I’m Chinatown ยังถือเป็นการเปิดประตูการลงทุนครั้งแรกของธุรกิจใหญ่ๆที่เข้ามาปักธงในเยาวราชอย่างเครือดุสิตธานีที่เตรียมเปิดให้บริการโรงแรม“อาศัย”(ASAI)ในปีหน้า รวมถึงเครือเดอะมอลล์ที่เข้ามาเปิดช้อป Gourmet Thai แบบสแตนอโลน เป็นครั้งแรกในเยาวราช เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ดังๆอย่างร้าน Starbucks, KFC, MKสุกี้, ไอศกรีม Swensens รวมถึงสปาระดับพรีเมี่ยม Let’s Relax Spa และ Jetts Fitness ฟิตเนสเต็มรูปแห่งแรกของย่านเยาวราชที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
ก่อนจะรีโนเวทมาเป็นคาเฟ่น่านั่งที่มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ สุวรรณา วทัญญูสกุล เจ้าของร้านซงเต๋อ เล่าว่า เดิมที่นี่เคยเป็นร้านขายส่งขนมเก่าแก่ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซ่งเต็ก”ซึ่งอยู่คู่เยาวราชมา 50 ปีมาก่อน จนกระทั่งประสบกับภาวะซบเซาในยุคโมเดิร์นเทรดตีตลาดร้านโชห่วย จึงต้องปรับตัวเพื่อรับจุดเปลี่ยน ลูกสาวที่เป็นทายาทรุ่นที่ 3 จึงออกไอเดียให้ปรับมาทำเป็นร้านอาหารแนวโมเดิร์นไชนีส เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มาเที่ยวเช็คอินในย่านเยาวราช สอดรับรถไฟฟ้าที่มาถึง




“เดี๋ยวนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไป อยากซื้ออะไรสั่งออนไลน์ได้หมด ไม่ต้องฝ่ารถติดมาเดินซื้อตามสำเพ็ง เยาวราช ตอนนี้ ธุรกิจที่เปิดใหม่ในย่านนี้ส่วนมากจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆที่เน้นสไตล์โมเดิร์นไชนีส ซึ่งเป็นรุ่นลูกหลานเข้ามาทำ”
จากคำบอกเล่าของสุวรรณา คนที่อยู่ในย่านเยาวราช เจริญกรุง ส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะจึงไม่ค่อยปล่อยขายตึกกันง่ายๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ ราคาตึกแถวห้องเดียวในซอยที่ซื้อขายกันในย่านนี้เคยดีดตัวขึ้นไปถึง 80 ล้านบาท ถ้าเป็นค่าเช่าก็อยู่ที่หลักแสนต้นๆต่อเดือน แต่มาถึงยุคเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ หาคนไทยมาเช่าค่อนข้างยาก จะมีก็แต่คนจีนที่ยังพอมีทุนหนาอยู่
“ก่อนหน้านี้ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ถ้าร้านไหนปล่อยเช่า คนจีนมาขอเช่าหมด มาเปิดเป็นร้านขายสินค้าจำพวกใบชา เห็ด และหินสี”สุวรรณา เล่า
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน วิถีเดิมที่หายไปจากเยาวราช คือ คนรุ่นเก่าๆร้านเก่าๆในย่าน และความเป็นจีนยุคเก่าแบบดั้งเดิมที่ค่อยๆเลือนหายไป กลายเป็นร้านอาหาร ร้านขายของฝาก รองรับยุคเฟื่องฟูของการท่องเที่ยว ที่เปลี่ยนรูปแบบจากกรุ๊ปทัวร์มาเป็นนักท่องเที่ยวแบบ FIT (Free Independent Travelers)
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ย่านไชน่าทาวน์ เยาวราช-เจริญกรุง ยังพัฒนากลายมาเป็นอีกหนึ่งย่านฮิปที่มีทั้งคาเฟ่ ร้านกาแฟ บาร์ และโฮสเทลเก๋ๆที่ดำเนินกิจการโดยบรรดาคนรุ่นใหม่จากทั้งในและนอกพื้นที่เยาวราช




ห่างไปไม่ไกลจากความจอแจของถนนเส้นหลักเยาวราช ใน “ซอยนานา” ซึ่งเคยเป็นย่านขายเครื่องยาจีนในอดีต ได้ผันบทบาทกลายมาเป็นศูนย์รวมความฮิปแห่งใหม่ ที่นี่มีบาร์สไตล์จีนเก๋ๆและโฮสเทลอย่าง Ba hao (ปาเฮ่า) ตั้งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อยู่ตรงมุมตึกเลขที่ 8 ซึ่งปรับเปลี่ยนอาคารเก่าแก่อายุเกินกว่าครึ่งศตวรรษให้กลายมาเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ชั้นล่างและชั้นบนเป็นที่พัก โดยยังคงรักษาความกลมกลืนไปกับบริบทความเป็นย่านเก่าเยาวราช
Ba hao เกิดจากความคิดริเริ่มของ ภูมิ สมบูรณ์กุลวุฒิ หนึ่งในหุ้นส่วนร้านที่เป็นคนเยาวราช ซึ่งเล็งเห็นโอกาสในการหยิบเอาคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมของย่านเก่าชุมชนชาวจีนที่ถูกส่งต่อกันมาในท้องถิ่น นำกลับมาชุบชีวิตสร้างสรรค์ให้กลายเป็นธุรกิจ
“ ผมเป็นคนหนึ่งในย่านนี้ที่รู้สึกว่า Culture เหล่านี้มันมีคุณค่านะ ทำไมเราไม่ดึงออกมาเล่น มาแสดงออกให้คนได้เห็น และทำให้กลายเป็นธุรกิจสร้างสรรค์ ซึ่งวันนี้ในเยาวราชมีหลายคนที่ทำได้ดี ” ภูมิ เล่าถึงการ “เกิดใหม่ในย่านเก่า”ของธุรกิจในรูปแบบ Creative Business ในย่านเยาวราชที่ขับเคลื่อนโดยคนรุ่นใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากบทบาทการเป็นตลาดขายส่ง ร้านขายทอง และย่านของกินกลางคืนที่มีมาแต่ดั้งเดิม
สำหรับภูมิ อะไร? คือวิถีเก่าๆที่หายไปจากเยาวราช และอะไรคือวิถีใหม่ๆที่ปรากฎให้เห็น เราตั้งคำถามนี้กับชายหนุ่มซึ่งเกิดและเติบโตมาในย่านเยาวราช
“ ในความรู้สึกส่วนตัวของผม สิ่งที่หายไปคือความเป็นชุมชนครอบครัวคนจีนที่สมัยก่อนบ้านหลังหนึ่งอยู่กันเยอะมากหลายคน ค่อนข้างอบอุ่น แต่เดี๋ยวนี้ พอแต่ละคนทยอยแยกย้ายกันออกไป ทำให้ความคึกคักของความเป็นชุมชนหายไป
แต่สิ่งหนึ่งที่เคยหายไปในอดีต แต่ตอนนี้เริ่มกลับมาใหม่ คือ คนเดินถนนในย่านเยาวราช จากช่วงหนึ่งที่คนหันไปนิยมเดินห้าง แต่วันนี้เมื่อมีรถไฟฟ้ามาถึง ทำให้ย่านนี้กลับมาคึกคักขึ้น ห้องแถวเก่าๆที่ตายไปเริ่มถูกชุบชีวิตให้กลับมาเกิดเป็นธุรกิจใหม่ๆอีกครั้ง” ภูมิบอกเช่นนั้น


ย่านไชน่าทาวน์ เยาวราช ในวันนี้ จึงเป็นย่านมนต์ขลังที่มีทั้งกลิ่นอายอดีตให้ได้มาสัมผัส มีของกินอร่อยขึ้นชื่อ มีร้านค้าน่านั่งที่ทยอยเปิดตัวต้อนรับความคึกคัก พร้อมๆกับการเกิดขึ้นของวิถีธุรกิจใหม่ที่สร้างความแตกต่าง และยังคงผสมผสานกลมกลืนไปความเป็นย่านเก่า สร้างตำนานหน้าใหม่ของย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง