บันทึกครั้งหนึ่งที่อู่ฮั่น กับ นาทีชีวิตในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน

ในค่ำคืนที่อากาศหนาวเย็น ภายในห้องผู้ป่วยวิกฤต ชั้น 2 ของโรงพยาบาลอู่ฮั่นยูเนียนวิทยาเขตตะวันตก (Wuhan Union Hospital West Campus) ได้ยินเสียงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังไปทั่ว ไฟแสดงสถานะทุกชนิดกระพริบส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่อง ทีมแพทย์พยาบาลกำลังทำงานอย่างหนักโดยไม่หยุดพัก แข่งขันกับเวลาทุกวินาทีเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย

โรงพยาบาลอู่ฮั่นยูเนียนวิทยาเขตตะวันตก เป็นโรงพยาบาลชุดที่ 3 ที่รับผู้ป่วยเข้าข่ายต้องสงสัย COVID-19 เข้ามารับการรักษา และเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยอาการหนักและผู้ป่วยขั้นวิกฤตเข้ามารักษามากที่สุด ภายในหน่วยดูแลผู้ป่วยวิกฤต “Intensive Care Unit” หรือ ICU ถือเป็นศูนย์รวมของผู้ป่วยที่อาการหนักที่สุดของทั้งโรงพยาบาล

ทีมแพทย์สนับสนุนชุดที่ 7 จากมณฑลกว่างซี ซึ่งรวมถึงบุคลากรฝีมือดีอย่าง หวง ย่วน และ หวัง ซิ่วเหลียน จากแผนกผู้ป่วยวิกฤตของโรงพยาบาลสุขภาพแม่และเด็กเมืองหลิ่วโจว (Liuzhou Maternity and Child Health Care Hospital) ได้ร่วมปฏิบัติหน้าที่ภายในห้องไอซียูที่โรงพยาบาลแห่งนี้เกือบ 20 วัน เรามาฟังเรื่องราวการต่อสู้ในสมรภูมิรบห้องไอซียูจากคำบอกเล่าของพวกเขากัน

▪ หวง ย่วน พยาบาลแผนกผู้ป่วยวิกฤต รพ.สุขภาพแม่และเด็กเมืองหลิ่วโจว

สงครามครั้งนี้ไม่มีเขม่าดินปืน ไม่มีสัญญาณเตือนก่อนออกรบ พวกเราโบกมือลาครอบครัว สวมชุดกาวน์สีขาวพร้อมออกไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ ยังจำได้ว่าก่อนมาอู่ฮั่น ฉันบอกกับลูกชายว่า “แม่จะออกไปสู้กับสัตว์ประหลาดแล้วนะ” สายตาของแม่ที่มองมาที่ฉันแฝงไปด้วยทั้งความกังวลและให้กำลังใจ คำบอกกล่าวด้วยความห่วงใยจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ยังคงดังก้องวนเวียนอยู่ในหู

การต่อสู้ที่แนวหน้าของการแพร่ระบาดจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง? ก่อนจะมาเข้าร่วมกับทีมแพทย์ช่วยเหลือมณฑลหูเป่ย ใจฉันรู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่รออยู่ข้างหน้าจะรุนแรงแค่ไหน? จะเจอกับโรคร้ายหรือผู้ป่วยแบบใด มีความท้าทายแบบไหนที่รอคอยฉันอยู่

จนกระทั่งได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายใน “Red Zone” ซึ่งก็คือห้องแยกโรคผู้ป่วยวิกฤต รพ.อู่ฮั่นยูเนียนวิทยาเขตตะวันตก และได้ไปเห็นหน้างานจริงๆ ฉันถึงได้รู้ซึ้งกับตัวว่า ศึกครั้งนี้หนักหนาสาหัสแค่ไหน!

แต่ฉันไม่ได้เป็นเพียงแค่บุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย ดังนั้นฉันจะต้องยืนหยัดเผชิญหน้ากับอุปสรรคด้วยจิตวิญญาณนักสู้! เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่กำลังทุกข์ทรมานจากไวรัสบนเตียงโรงพยาบาลแล้ว ความลำบากเพียงแค่นี้ของเราไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลย ทันทีที่สวมชุดป้องกัน ฉันก็มีกำลังใจเต็มเปี่ยม พร้อมเดินหน้าสู้ศึกเต็มที่!

เมื่ออยู่ในห้อง ICU พวกเราต้องคอยทำหน้าที่เป็นเสมือนดวงตาให้กับแพทย์ คอยสอดส่องอาการผู้ป่วย ตรวจเช็คค่าต่างๆของผู้ป่วยอย่างละเอียดอยู่ตลอด

จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันเพิ่งออกเวร จู่ๆก็มีผู้ป่วยรายหนึ่งอัตราการเต้นหัวใจขึ้นไปอยู่ที่ 165 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิตลดลงเหลือแค่ 85/56 mmHg เมื่อสังเกตเห็นกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ปรากฏบนหน้าจอมอนิเตอร์ ในหัวของฉันก็มีคำหนึ่งแวบขึ้นมาทันที “หัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะ หรือ VT” หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจจะเกิดภาวะอัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตได้

ฉันรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมารายงาน หมอก็รีบมาเข้ามาดูอาการในทันที และสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ผ่านไปสักพัก อัตราการเต้นหัวใจของผู้ป่วยก็ค่อยๆลดลง สัญญาณชีพอื่นๆก็เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ….

ชีวิตของผู้ป่วยวิกฤตสามารถเฉียดเข้าใกล้ความตายได้ทุกเมื่อ แม้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของอัตราการเต้นหัวใจ ความดันโลหิต ค่าออกซิเจนในเลือด ปริมาณปัสสาวะ หรือแม้แต่เสียงแจ้งเตือนจากเครื่องช่วยหายใจเพียงแค่ครั้งเดียว ก็อาจเป็นสัญญาณแฝงที่บอกให้รู้ถึงอาการหนักของผู้ป่วยที่เราคาดไม่ถึง

ฉันจึงได้แต่คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ทุกครั้งที่อยู่ในห้อง ICU จะต้องมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา!

“ฝึกทหารพันวัน เพื่อใช้การในงานสำคัญ” ด้วยประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยวิกฤตและผู้ป่วยฉุกเฉินมาเป็นเวลาหลายปี ทำให้ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ฉันสามารถสังเกตเห็นปัญหาและตอบสนองได้อย่างทันท่วงที ช่วยยื้อชีวิตผู้ป่วยในอู่ฮั่นให้รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้

▪ หวัง ซิ่วเหลียน พยาบาลแผนกผู้ป่วยวิกฤต รพ.สุขภาพแม่และเด็กเมืองหลิ่วโจว

หลังจากเดินทางมาถึงอู่ฮั่น ฉันได้ถูกส่งตัวไปร่วมทีมกับทีมแพทย์จากโรงพยาบาลที่หนึ่งสังกัดมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กว่างโจว (The First Affiliated Hospital Of Guangzhou Medical University) โดยมีท่านรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจางหนัวเป็นผู้นำทีม พวกเราได้ร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยชีวิตผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในห้อง ICU อุทิศตนและใช้ความสามารถทางวิชาชีพที่มี เพื่อปกป้องชีวิตผู้ป่วยในด่านหน้าของสมรภูมิรบ

วันที่ 10 มี.ค. เป็นวันที่ 19 แล้วที่ฉันมาถึงเมืองอู่ฮั่น ตอนมาถึงอู่ฮั่นช่วงแรกๆ สิ่งที่สังเกตเห็นได้เด่นชัดที่สุดคือท้องถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน สถานที่หลายแห่งซึ่งเคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ล้วนแต่แปรเปลี่ยนไปไม่เหมือนที่เคยเป็น อากาศหนาวเย็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ทำให้พวกเราที่มาจากทางจีนตอนใต้รู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ แต่เมื่อผ่านไปได้สักระยะ ฉันก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

วันนี้ยังเป็นอีกวันที่ฉันรู้สึกมีความสุขมาก เพราะผู้ป่วยวิกฤตรายหนึ่งที่ฉันดูแลอยู่ สามารถถอดท่อช่วยหายใจออกได้แล้วในวันนี้! ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาปฏิบัติงานในอู่ฮั่น เขาถือเป็นผู้ป่วยวิกฤตรายแรกภายใต้การดูแลของฉันที่สามารถถอดท่อช่วยหายใจออกได้สำเร็จ เขาทำให้ฉันมองเห็นถึงความหวังแห่งชัยชนะ!

เช้าวันนั้น ฉันสวมชุดป้องกันด้านในและสวมชุด PPE ทับอีกชั้นอย่างแน่นหนา สวมใส่หน้ากาก 2 ชั้น แว่นตาป้องกัน และหน้ากาก Face Shield เหมือนกับทุกวัน พร้อมด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะช่วยชีวิตผู้ป่วย วันนี้อาการของคุณเว่ย ผู้ป่วยวัย 68 ค่อนข้างดีทีเดียว ในช่วงที่ค่าบนเครื่องช่วยหายใจลดลงต่ำสุด เขาก็ยังคงมีสติรู้ตัวอยู่ นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี!

ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมงวันเดียวกัน หลังจากได้ประเมินตัวชี้วัดต่างๆ ทั้งค่าบนเครื่องช่วยหายใจ ค่าออกซิเจนในเลือดและความดันโลหิตอย่างละเอียดแล้วเรียบร้อย หัวหน้าแพทย์อาวุโสของทีมกว่างโจวก็ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจให้เขาได้สำเร็จ ฉันรีบใส่เครื่องช่วยหายใจแบบไม่ใส่ท่อ Non-Invasive Ventilator (NIV) ให้กับเขา เมื่อได้เห็นค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดที่แสดงอยู่บนจอมอนิเตอร์ข้างเตียงขึ้นเป็น 100% ใจของฉันก็พองโตด้วยความปลื้มปิติ!

จากการทำงานในวงการแพทย์มาตลอด 11 ปี ทำให้ฉันได้เห็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ความสุขความทุกข์มานักต่อนัก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ใจของฉันก็ยังรู้สึกสุขทุกข์ตามผู้ป่วยไปด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยหรือลำบากแค่ไหนก็นับว่าคุ้มค่า!

ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมงวันเดียวกัน หลังจากได้ประเมินตัวชี้วัดต่างๆ ทั้งค่าบนเครื่องช่วยหายใจ ค่าออกซิเจนในเลือดและความดันโลหิตอย่างละเอียดแล้วเรียบร้อย หัวหน้าแพทย์อาวุโสของทีมกว่างโจวก็ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจให้เขาได้สำเร็จ ฉันรีบใส่เครื่องช่วยหายใจแบบไม่ใส่ท่อ Non-Invasive Ventilator (NIV) ให้กับเขา เมื่อได้เห็นค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดที่แสดงอยู่บนจอมอนิเตอร์ข้างเตียงขึ้นเป็น 100% ใจของฉันก็พองโตด้วยความปลื้มปิติ!

จากการทำงานในวงการแพทย์มาตลอด 11 ปี ทำให้ฉันได้เห็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ความสุขความทุกข์มานักต่อนัก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ใจของฉันก็ยังรู้สึกสุขทุกข์ตามผู้ป่วยไปด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยหรือลำบากแค่ไหนก็นับว่าคุ้มค่า!

เมื่อภารกิจอันแสนวุ่นวายสิ้นสุดลง วินาทีที่ฉันถอดชุด PPE อันหนักอึ้งออก เสื้อด้านในของฉันก็เปียกชุ่มไปหมด แว่นป้องกันได้ทิ้งรอยแดงฝังลึกไว้บนหน้าและจมูกของฉัน แต่นั่นไม่อาจบั่นทอนความสุขใจของฉันในยามนี้ได้เลย


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *