เทคโนโลยีดิจิทัลกับการใช้ชีวิต ท่ามกลางวิกฤตของชาวจีน

ในห้วงของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การทำงาน และการดำเนินธุรกิจ แต่ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถช่วยให้คนจีนสามารถปรับตัวและฝ่าฟันวิกฤตในช่วงที่ยากลำบากที่สุดไปได้อย่างไร? ติดตามได้กรณีศึกษาน่าสนใจซึ่งรวบรวมมานำเสนอผ่าน TAP Magazine โดยอาลีเพย์ เพื่อช่วยจุดประกายความคิดท่ามกลางวิกฤตไวรัสที่กำลังลุกลามทั้งไทยและทั่วโลก

การปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ชีวิตกลับคืนสู่ปกติ

การใช้ชีวิตท่ามกลางการระบาดของไวรัสทั่วโลกนับเป็นเรื่องที่ลำบาก ด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลาย บริษัทเทคโนโลยีต่างๆได้นำเสนอโซลูชั่นที่ช่วยให้คนจีนใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด เช่น

• ด้านการทำงาน ในประเทศจีน บุคลากรหลายล้านคนใช้เครื่องมือในการทำงานร่วมกัน เช่น DingTalk ของอาลีบาบา, WeChat Work and Meeting ของเท็นเซ็นต์, Feishu ของไบต์แดนซ์ และ WeLink ของหัวเว่ย โดยเครื่องมือเหล่านี้ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น โควตาสำหรับผู้เข้าร่วมการประชุมและระยะเวลาในการโทร, การตรวจสุขภาพออนไลน์ และโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจง

• ด้านการรับมือกับข่าวลือ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซึ่งก่อให้เกิดข่าวลือมากมายในโลกออนไลน์ Ding Xiang Yuan ผู้ให้บริการคอนเทนต์ออนไลน์ยอดนิยมของจีน ภายใต้การสนับสนุนของบุคลากรทางการแพทย์ ได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อนำเสนอข้อมูลทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ บริการตรวจเช็คอัพร่างกายทางออนไลน์ และการจัดการกับข่าวลือที่ไม่เป็นจริง นอกจากนี้ Yikuang ซึ่งเป็นบริการในเครือ WeChat และแอปฯ Sspai.com ก็ช่วยจัดทำแผนที่เพื่อระบุเคสผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันในพื้นที่ใกล้เคียง โดยใช้ข้อมูลจากทางการจีน

• ด้านการเรียนรู้ นักเรียนนักศึกษาชาวจีนหลายล้านคนจำเป็นต้องหยุดอยู่บ้านเป็นเวลานาน แต่เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้พวกเขาไม่พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 นักเรียนนักศึกษากว่า 50 ล้านคนในเมืองต่างๆ กว่า 300 เมืองของจีนได้เข้าร่วมโครงการห้องเรียนออนไลน์ ซึ่งริเริ่มโดย DingTalk และ Youku โดยเปิดโอกาสให้อาจารย์กว่า 600,000 คนเปิดสอนวิชาต่างๆ ผ่านระบบไลฟ์สตรีม

• ด้านการเงินการธนาคาร ในวันที่ 5 มี.ค. มายแบงค์ (MYbank) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์เอกชนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในเครือแอนท์ไฟแนนเชียล (Ant Financial) ได้เปิดตัวการบริการกู้ยืมเงิน “Contactless Loans” ภายใต้ความร่วมมือกับธนาคารของจีนและองค์กรชั้นนำกว่า 100 แห่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย และเกษตรกรกว่า 10 ล้านรายทั่วประเทศจีน ผ่านโมเดลการกู้ยืม “310” ซึ่งอาลีเพย์และมายแบงค์เป็นผู้บุกเบิก โดยใช้เวลาเพียง 3 นาทีในการยื่นเรื่องขอกู้ยืมเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ และอนุมัติทันทีภายใน 1 วินาที โดยทุกขั้นตอนดำเนินการโดยระบบอัตโนมัติ หรือ Zero (0) Manual Intervention ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไปติดต่อที่สาขาของธนาคาร

เทคโนโลยีกับการต่อสู้ไวรัส

ขณะที่หลายพื้นที่ในประเทศจีนพยายามฟื้นฟูวิถีชีวิตให้กลับคืนสู่ปกติ บริษัทเทคโนโลยีของจีนได้นำเสนอนวัตกรรมที่เหนือชั้นในการต่อสู้กับไวรัส COVID-19 โดยใช้โซลูชั่นที่ช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดและค้นหาวิธีการรักษาโรค เช่น

• ตรวจหาผู้ติดเชื้อด้วย AI Damo Academy ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของอาลีบาบา ได้พัฒนาระบบวินิจฉัยโรคโดยอาศัยเทคโนโลยี AI เพื่อตรวจจับเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่ผ่านการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ซึ่งนักวิจัยได้ฝึกฝนโมเดล AI โดยใช้ข้อมูลตัวอย่างจากเคสผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันกว่า 5,000 ราย ช่วยให้ระบบสามารถระบุความแตกต่างในภาพ CT Scan ระหว่างผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 กับผู้ป่วยโรคปอดบวมทั่วไป โดยมีความแม่นยำสูงถึง 96%

• ระดมเทคโนโลยีใหม่รักษาโรค อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) เปิดให้สถาบันวิจัยของรัฐเข้าใช้งานระบบประมวลผล AI ของบริษัทฯได้ฟรี เพื่อช่วยเร่งขั้นตอนการจัดลำดับยีนของไวรัส การวิจัยและพัฒนายารักษาโรค และการคัดกรองโปรตีน ขณะเดียวกัน ไป่ตู้ (Baidu) ได้เปิดแพลตฟอร์ม Smart Cloud Tiangong IoT สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาด รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ยับยั้งการแพร่ระบาด ส่วนเท็นเซ็นต์ก็ได้เปิดให้ใช้งานระบบ Supercomputing เพื่อช่วยให้นักวิจัยคิดค้นวิธีการรักษาโรค

• การประยุกต์ใช้โดรน DJI ผู้ผลิตโดรนของจีน นำเอาโดรนที่ใช้ในการพ่นสารเคมีในภาคการเกษตรมาใช้ในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในบริเวณที่อาจมีการติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งลำโพงไว้กับโดรนเพื่อช่วยในการแจ้งเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุมในพื้นที่หนาแน่น และมีการบินโดรนที่ติดป้ายประกาศแจ้งเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน รวมถึงมีการติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อนไว้บนโดรนเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของประชาชน ช่วยให้คณะแพทย์สามารถระบุเคสที่ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว

• การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ในมณฑลหูเป่ยได้รับบริจาคหน้ากากอนามัย เครื่องมือทางการแพทย์ และเงินบริจาค โดยผ่านแพลตฟอร์ม Shanzong สำหรับการตรวจสอบติดตามเงินและสิ่งของบริจาคโดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาของบริษัทสตาร์ทอัพ Hyperchain และ China Xiong’an Group

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Xiang Hu Bao ของแอนท์ไฟแนนเชียล ก็ได้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อตรวจสอบติดตามการจ่ายเงินเคลมประกันอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มีการเพิ่ม COVID-19 ไว้ในรายชื่อโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถเคลมประกันได้สูงสุด 100,000 หยวน (14,320 ดอลลาร์ หรือประมาณ 460,000 บาท)

เทคโนโลยีกับเรื่องราวสนุกๆและผ่อนคลาย

ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ใกล้จะถึงจุดเปลี่ยน ชาวจีนจึงเริ่มมองหาวิธีผ่อนคลายจากภาวะความเครียดที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรค โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ที่กรุงปักกิ่ง ผับมีชื่อว่า Jing-A Brewing Co. ยังเปิดให้บริการโดยรับเฉพาะออเดอร์ที่สั่งอาหารและเครื่องดื่มกลับบ้าน และให้บริการส่งอาหารถึงบ้าน รวมถึงรีฟิลสำหรับลูกค้าที่นำเหยือกแก้วใส่เบียร์มาเอง บาร์แห่งนี้มีสองสาขาในกรุงปักกิ่งได้ขยายเวลาให้บริการจัดส่งอาหารเป็น 11.00 น. ถึง 23.00 น. ลูกค้าสามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ Meituan และทางผับก็ยังให้ส่วนลดพิเศษสำหรับบริการจัดส่งเบียร์อีกด้วย

หันกลับมาดูที่ประเทศไทย ก็มีกรณีศึกษาการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการรับมือกับวิกฤตไวรัสนี้เช่นกัน อาทิ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมมือกันในการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์และ 5G เพื่อปรับปรุงความสามารถของหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัส COVID-19 และช่วยเหลือแพทย์และพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อหรือสงสัยว่าอาจติดเชื้อ


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *