ในยุคที่มีการระบาดใหญ่ของไวรัส COVID-19 แบบนี้ นอกจาก‘ล้างมือ กินร้อน ช้อนเรา’แล้ว เรายังสามารถดูแลป้องกันตัวเองได้ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงผักผลไม้สมุนไพรไทยในบ้านเรานับว่ามีสรรพคุณไม่น้อย โดย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้แนะนำผักผลไม้สมุนไพร และเมนูอาหารไทยใกล้ตัวที่น่าสนใจไว้ดังนี้
ผักผลไม้และยาจากสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ได้แก่ พลูคาวหรือผักคาวตอง เห็ดต่าง ๆ ซึ่งมีสารสำคัญคือเบต้ากลูแคน เช่น เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดออรินจิ เห็ดหลินจือ
นอกจากนี้ยังมี ตรีผลา (สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม)รับประทานในรูปของน้ำต้มดื่ม รวมถึงผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ดอกขี้เหล็ก ยอดมะยม ใบเหลียง ยอดสะเดา มะระขี้นก ฟักข้าว ผักเชียงดา คะน้า มะรุม ผักแพว มะขามป้อม หรือมีสารกลุ่มแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารเฟลโวนอยด์ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ลูกหม่อน และผักผลไม้หลากสี ยังช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันด้วย
ผักผลไม้และยาจากสมุนไพรของไทยที่มีศักยภาพในการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ ได้แก่ ผักผลไม้ที่มีสารเคอร์ซีติน (quercetin) สูง ได้แก่ พลูคาวหรือผักคาวตอง หอมแดง หอมหัวใหญ่ มะรุม ใบหม่อน แอปเปิล
ผักผลไม้ที่มีสารเฮสเพอริดิน (hesperidin) และรูติน (rutin) สูง ได้แก่ ผิวและเยื่อหุ้มด้านในเปลือกผลของพืชตระกูลส้ม (citrus fruit เช่น ส้ม มะนาว มะกรูด ส้มซ่า), กะเพรา มีโอเรียนทิน (orientin) เป็นสารสำคัญที่มีศักยภาพในการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์
นอกจากนี้ ยังมีเปลือกส้มและใบหม่อนเป็นสมุนไพร 2 ในจำนวน 6 ชนิดของตำรับยาจีนที่ใช้ชงดื่มแทนน้ำชาป้องกันปอดบวมอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ตามแนวทางของมณฑลหูเป่ย
ส่วนเมนูอาหารไทยที่ขอแนะนำ เช่น เมี่ยงคำ ซึ่งมีมะนาวหั่นพร้อมเปลือกและหอมแดง นอกจากนั้น อาหารจำพวกแกงเลียง ยำ ต้มยำ ต้มโคล้งต่างๆ ที่ใส่หอมใหญ่ หอมแดง เห็ดชนิดต่าง ๆ และมะนาว จะให้ทั้งเคอร์ซีทิน เบต้ากลูแคน และวิตามินซี
สำหรับเครื่องดื่มหรือน้ำสมุนไพรที่แนะนำคือ น้ำตรีผลา ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ นอกจากนี้ อาจนำผักผลไม้ที่แนะนำข้างต้นมาปรุงอาหารอื่นหรือทำเป็นเครื่องดื่ม หรือเพิ่มการรับประทานผักผลไม้สมุนไพรกลุ่มนี้ให้มากขึ้นในระยะนี้
อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่มีการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ประชาชนควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายเป็นประจำ