ข้อได้เปรียบหลากหลายด้าน ก่อเกิดแรงดึงดูดมหาศาล
แรงดึงดูดของนิคมฯฉงจั่วที่มีต่อธุรกิจ สะท้อนให้เห็นผ่านความสำเร็จที่โดดเด่นในการดึงดูดการลงทุนเข้ามาในนิคมฯ


ในฐานะนิคมอุตสาหกรรมที่ฉงจั่วจัดตั้งขึ้นเพื่อเข้าร่วมยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” และกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้ากับอาเซียน นิคมฯฉงจั่วไม่ได้มีแค่จุดเด่นด้านทำเลที่ตั้ง การคมนาคมที่สะดวกสบาย ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และข้อได้เปรียบทางด้านตลาดเท่านั้น แต่ยังมีสิทธิพิเศษด้านนโยบายต่างๆ ทั้งแผนพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันตก และนโยบายเปิดกว้างชายแดนของจีน ผนวกกับองค์กรชั้นนำหลายสิบแห่งจากทั้งในจีนและต่างประเทศที่นิคมฯ ชักชวนเข้ามาลงทุนได้สำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนก่อเกิดเป็นฐานอุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการแปรรูปแร่ธาตุ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมการผลิตยา และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแกร่งอย่างที่เห็นในปัจจุบัน


จากข้อได้เปรียบเหล่านี้ นิคมฯพร้อมยืดหยัดสานต่อแนวคิด “เสริมความแข็งแกร่งต้นทาง ต่อเติมสาขา พัฒนารวมกลุ่ม” แสวงหานักลงทุนที่มีศักยภาพ เพื่อให้งานด้านดึงดูดการลงทุนและโครงการประสบผลสำเร็จ ปี 2562 นิคมฯฉงจั่วลงนามสัญญาไปทั้งสิ้น 25 โครงการ ยอดลงทุนรวม 1,660 ล้านหยวน มีโครงการเริ่มก่อสร้างใหม่ 25 โครงการ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 10 โครงการ และโครงการลงทุน 28 โครงการ
เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นิคมฯฉงจั่วได้ชะลอการเดินทางออกไปดูงานในต่างประเทศ ยกเลิกการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์การลงทุน หรืองานที่ต้องมีการติดต่อปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดชั่วคราว และเพื่อที่จะคงการดึงดูดการลงทุนอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการป้องกันควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ นิคมฯได้เร่งปรับกลยุทธ์และวิธีการประชาสัมพันธ์การลงทุนมาเป็นการติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจนถึงวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา นิคมฯประสบผลสำเร็จในการลงนามโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 8 โครงการ
สำหรับการพัฒนานิคมฯ การดึงดูดโครงการเป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น การช่วยสนับสนุนให้โครงการที่มาลงทุนสามารถลงหลักปักฐาน เริ่มการผลิต จนสามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของนิคมฯได้ จึงจะเป็นจุดมุ่งหมายที่แท้จริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจภายในนิคมฯ
วันที่ 2 เม.ย. 2563 หลิว โหย่วหมิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองฉงจั่ว ได้เข้าตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการและการกลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้งของนิคมฯ โดยได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่นิคมฯถึงการยึดมั่นในหลักการสำคัญ “ธุรกิจแข็งแกร่งเท่ากับนิคมฯประสบความสำเร็จ” และมุ่งมั่นในภารกิจหลักของนิคมฯ คือการสนับสนุนโครงการ อำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจ และส่งเสริมอุตสาหกรรม
แท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิคมฯได้ทำมาโดยตลอด ทั้งการให้ความสำคัญกับการยกระดับประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการ เร่งปรับปรุงพัฒนากลไก “แบ่งโซนบริหาร จัดสรรปันส่วนความรับผิดชอบ” อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นระบบบริการดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน หนึ่งโซนมีผู้บริหาร 1 คน เจ้าหน้าที่ 1 คนดูแลประสานงาน หนึ่งโครงการมีเจ้าหน้าที่ 1 คนและผู้ดูแลไซต์งาน 1 คนควบคุมดูแลโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันนิคมฯได้ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อปรับปรุงพัฒนาขั้นตอนการยื่นขออนุมัติต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ด้วยการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร


ในอนาคต นิคมฯจะยังคงเดินหน้าพัฒนางานด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเวนคืนรื้อถอนที่ดิน ขออนุมัติใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ การดึงดูดการลงทุนและโครงการ รวมถึงการลงทุนทางการเงิน พร้อมปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและยกระดับการให้บริการ รวมทั้งส่งเสริมการเปิดกว้างทางความคิด และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการดำเนินธุรกิจ พัฒนาระบบการทำงานและให้บริการ ปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบอนุมัติ นโยบายสิทธิประโยชน์ต่างๆ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนนหนทาง น้ำประปา พลังงาน การระบายน้ำ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล ความบันเทิง ฯลฯ และไม่หยุดที่จะเพิ่มแรงดึงดูด สร้างการรับรู้ และเสริมขีดความสามารถในการรองรับให้กับนิคมฯ