COVID-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีน

ผลสำรวจชี้แนวโน้มพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปต่อเนื่อง ภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงไปของพฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการของชาวจีน หลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นการสำรวจข้อมูลของบริษัท Mintel บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก โดยทำการสำรวจจาก 8 เมืองสำคัญของจีน

ผลการสำรวจพบว่า แนวโน้มพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปต่อเนื่องใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

(1) ผู้บริโภคจะแสวงหาการรับรองสุขลักษณะและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น

(2) ผู้บริโภคสูงวัยเข้าใจการค้าปลีกมากขึ้น มีการเริ่มหัดใช้เทคโนโลยีการซื้อของออนไลน์ และการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเองก็จะใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงรูปแบบ การนำเสนอสินค้าให้เหมาะสมกับประชากรสูงวัยมากขึ้นเช่นเดียวกัน

(3) รูปแบบการซื้อสินค้าที่เป็นหีบห่อหรือ package ขนาดใหญ่ อาจจะยังได้รับความนิยมต่อไป แต่การซื้อสินค้าครั้งละจำนวนมากๆ คาดว่าจะปรับกลับไปสู่การซื้อในรูปแบบเดิม หลังจากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า จากการที่ไวรัส COVID-19 แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีน ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ขณะที่ร้านค้าปลีกในชุมชนต้องปรับมาใช้ WeChat ในการสื่อสารซื้อขายสินค้ากับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งคาดว่ารูปแบบการซื้อขายเช่นนี้จะยังคงอยู่ในชุมชนชาวจีนหลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผ่านพ้นไปแล้ว เนื่องจากผู้บริโภคจะหันมาใส่ใจเรื่องการป้องกันด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งกระบวนการซื้อขายและความปลอดภัยของสินค้า

นอกจากนี้ ผู้บริโภคจะมุ่งเน้นการซื้อขายสินค้าไปที่อาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ และเนื้อสดมากขึ้น เพราะคิดว่าดีต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าที่ตั้งอยู่บนชั้นวางของมานาน

ผลกระทบอีกด้านหนึ่งที่สำคัญ คือ ภาคการคมนาคมขนส่งและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (หมายรวมถึงโรงแรม รีสอร์ท และการค้าในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ)ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าปลีกและบริการด้านอาหาร ส่วนการจำกัดขอบเขตการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชาชน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าออนไลน์ ทำให้สินค้าบางประเภทขาดตลาด และใช้เวลานานในการเติมเต็มคลังสินค้า

ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อาหารที่ถูกสุขลักษณะไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากนัก ยกตัวอย่างเช่น บรรจุภัณฑ์ของร้านขายของชำไม่ได้รับความใส่ใจด้านสุขลักษณะ แม้ว่าผู้ให้บริการจัดส่งอาหารแบบ delivery เช่น เอ้อเลอเมอะ (Ele.me) และเหม่ยถวน(Meituan)จะทำงานร่วมกับภาครัฐในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของร้านขายของชำให้ดีมากขึ้น แต่จนถึงปัจจุบัน ประเด็นนี้ก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาและแก้ไข ในประเทศจีนมีเพียงร้อยละ 32 ที่จะมีบรรจุภัณฑ์ใส่เฉพาะสำหรับอาหารสด

นอกจากนี้ ร้านอาหารขนาดใหญ่ เช่น ซีเป้ย (Xibei) และ แมคโดนัลด์ (McDonald’s) ได้ยกระดับการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการบันทึกและแจ้งอุณหภูมิร่างกายของพนักงานและจำนวนครั้งของการล้างมือของพนักงานในครัวและพนักงาน delivery ทุกครั้ง เพื่อให้ผู้บริโภคมีความไว้ใจในสินค้าที่กำลังจะบริโภค

ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสCOVID-19 ประชากรผู้สูงอายุในจีน (อายุเกิน 55 ปี) มีเพียงร้อยละ 12 ที่ซื้อของออนไลน์ โดยให้เหตุผลว่าหน้าจอเว็บต่างๆเข้าถึงยาก แต่ถ้าเป็นการสื่อสารง่ายๆ อย่าง WeChat ก็ทำให้ผู้สูงอายุสื่อสารได้ง่ายขึ้น จากการสำรวจของบริษัท Mintel ช่วงเดือนก.พ. 2563 พบว่าร้อยละ 31 ของผู้สูงอายุในจีน ใช้โปรแกรม WeChat ในการหาข้อมูลอาหารเพื่อสุขภาพ

ทั้งนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสCOVID-19 ร้านค้าปลีกในชุมชนยังใช้ WeChat ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าที่มีการวางขาย โดยใช้รูปภาพและวิดีโอเป็นสื่อนำเสนอ นอกจากนี้ ชาวไร่ชาวสวนยังรวมกลุ่มกันหาลูกค้าผ่านทาง WeChat ซึ่งลูกค้าที่รวมกลุ่มกันซื้อสินค้าก็จะได้รับสินค้าในราคาพิเศษอีกด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นประเด็นที่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายกับตลาดจีน ควรทราบและหาวิธีปรับตัวรับมือต่อไป เพื่อให้สินค้าไทยยังเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวจีนเช่นที่เคยเป็นมา


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *