ผู้เขียน : ผศ.ดร.หลี่ เหรินเหลียง
• ส่วนที่ 1 รายงานการดำเนินการในปี 2562
– เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ที่ผ่านมามีการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP อยู่ที่ 99.1 ล้านล้านหยวน อัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6.1 เพิ่มการจ้างงานใหม่ในเมือง 13.52 ล้านคน อัตราการว่างงานตามสถิติสำรวจต่ำกว่าร้อยละ 5.3 ดัชนีราคาผู้บริโภค (consumer price index หรือ CPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ดุลการชำระเงินสมดุล


– โครงสร้างเศรษฐกิจและการพัฒนาเชิงพื้นที่มีความสมดุล ยอดการค้าปลีกสินค้าบริโภคมากกว่า 40 ล้านล้านหยวน การบริโภคยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน อุตสาหกรรมการผลิตที่ทันสมัยและอุตสาหกรรมภาคบริการสมัยใหม่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลผลิตพืชธัญญาหารคงไว้ที่ 0.65 ล้านล้านกิโลกรัม อัตราประชากรเมืองทะลุร้อยละ 60 เป็นครั้งแรก ยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่สำคัญได้รับการปฏิบัติและมีความคืบหน้า
– ขีดความสามารถในการขับเคลื่อนการพัฒนามีการเสริมสร้างให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ประสบผลสำเร็จ อุตสาหกรรมสมัยใหม่มีการเติบโต อุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิมมีการยกระดับสูงขึ้น ธุรกิจ Startup มีการดำเนินในหลากหลายสาขาอุตสาหกรรม มีบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ไม่น้อยกว่า 10,000 รายต่อวัน


– สงครามพิชิตอุปสรรคสามสงครามมีชัยอย่างมีนัยสำคัญ คนยากจนในชนบทลดลง 11 ล้านคน ทำให้อัตราเกิดความยากจนลดลงที่ร้อยละ 0.6 การป้องกันมลภาวะและรักษาสิ่งแวดล้อมผลักดันก้าวหน้า จำนวนของเสียที่ลดน้อยลง ระบบนิเวศมีการฟื้นฟูดีขึ้น ระบบการเงินมีการดำเนินการอย่างมั่นคง
– คุณภาพชีวิตประชาชนปรับปรุงดีขึ้น รายได้ส่วนบุคคลสุทธิ (Disposable Personal income) มากกว่า 30,000 หยวน ประกันสุขภาพ ประกันรายได้ขั้นต่ำ ประกันเบี้ยยังชีพคนชรามีการเพิ่มจำนวนเงินมากขึ้น จำนวนนักเรียนที่ได้รับค่าอุดหนุนการใช้ชีวิตของนักเรียนในระบบการศึกษาภาคบังคับเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 สถาบันอุดมศึกษา อาชีวศึกษาเพิ่มการรับนักเรียนนักศึกษา 1 ล้านคน
• ส่วนที่ 2 เป้าหมายและแผนพัฒนา
จากการวิเคราะห์สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 รัฐบาลจีนได้ปรับเป้าหมายและแผนพัฒนา ดังนี้
– บรรลุเป้าหมายการจ้างงานมีเสถียรภาพ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ทำให้การจ้างงานเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล รัฐบาลกำหนดเป้าหมายในปี 2563 ว่าจะเพิ่มตำแหน่งงาน 9 ล้านตำแหน่งในเมือง อัตราการว่างงานตามสถิติสำรวจไม่เกินร้อยละ 6 อัตราว่างงานที่ขึ้นทะเบียนอยู่ประมาณร้อยละ 5.5 ปีนี้จะมีบัณฑิตจบใหม่ 8.74 ล้านคน ต้องให้เกิดการจ้างงานเป็นไปตามกลไกการตลาดและต้องให้ทหารครบปลดจากประจำการได้ถูกจ้างงาน ปีนี้และปีหน้ามีการอบรม 35 ล้านคน โรงเรียนอาชีวศึกษาจะรับนักเรียนเพิ่ม 2 ล้านคน เพื่อให้คนที่ทักษะดีได้ถูกจ้างงานง่าย ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.5 การนำเข้าส่งออกเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและมีคุณภาพดุลการชำระเงินสมดุล การเพิ่มรายได้ของประชาชนไปพร้อมๆกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนถ้วนหน้าตามเกณฑ์ความยากจนปัจจุบัน บรรลุเป้าหมายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 13
– ลดอัตราภาษีและค่าธรรมเนียม เพื่อให้วิสาหกิจและการจ้างงานมีเสถียรภาพ ลดอัตราเบี้ยประกันยังชีพหลังเกษียณและมีการลดภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไปอีกระยะหนึ่ง รวมมาตรการที่ประกาศก่อนหน้านี้ในการยกเว้นเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม การขนส่งสาธารณะ กิจการอาหาร โรงแรม การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและการกีฬา เลื่อนการเสียภาษีรายได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดย่อมและผู้ประกอบการรายย่อยเป็นปีหน้า ส่วนลดของภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียมรวมแล้วมากถึง 2.5 ล้านล้านหยวน


– ลดต้นทุนการดำเนินการ ลดค่าไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ร้อยละ 5 ลดค่าการใช้เน็ตร้อยละ 15 รัฐจะลดค่าเช่าโรงงานให้รัฐวิสาหกิจ และส่งเสริมให้เจ้าของเอกชนลดค่าเช่าให้บริษัทเอกชน
– ขยายการลงทุน จัดทำพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่น 3.75 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านล้านหยวนเมื่อเทียบกับปีก่อน เพื่อสนับสนุนโครงการทั้งเป็นประโยชน์กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น โครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ พัฒนาเครือข่ายการสื่อสาร ขยายการประยุกต์ใช้ 5G สถานีชาร์จแบตเตอรี่ ขยายการใช้รถยนต์พลังงานใหม่
เป็นที่สังเกตว่าปีนี้เป็นครั้งแรกในการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนที่ไม่ได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุผลว่ายุคนี้เป็นยุคโลกาภิวัตน์ การผลิต การส่งออกไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จีนแต่อย่างเดียว หากขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลก มีปัจจัยเสี่ยง ความไม่แน่นอนหลายประการ ดังนั้นไปกำหนดเป้าหมายก็ไร้ประโยชน์ เหตุผลที่สองคือจีนหันมาเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ไม่ได้สนใจแต่เพียงตัวเลข
ในการรายงานการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีซึ่งมีความยาว 10,400 ตัวอักษรจีน พูดถึงการจ้างงาน 39 ครั้ง พูดถึงการดำรงชีวิตของประชาชน 18 ครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงรัฐบาลให้ความสำคัญพิเศษกับการจ้างงานและชีวิตของประชาชน สามารถสรุปเป็น “6 หลักประกัน 6 เสถียรภาพ” ได้แก่


เสถียรภาพการจ้างงาน เสถียรภาพทางการเงิน เสถียรภาพการค้าต่างประเทศ เสถียรภาพการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เสถียรภาพการลงทุนภายในประเทศ เสถียรภาพเป้าหมายที่คาดการณ์”
“6 หลักประกัน 6 เสถียรภาพ” กลายเป็นคำสำคัญมากที่สุดคำหนึ่งของการประชุมสองสภาปีนี้
นอกจากรายงานของนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายประเด็น ดังนี้
– สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนลงมติรับ “ประมวลกฎหมายแพ่ง” ฉบับแรกของประเทศ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ประมวลกฎหมายแพ่งฉบับนี้ ประกอบด้วย 7 บท 1260 มาตรา ได้แก่ บทบัญญัติทั่วไป ทรัพย์สิน สัญญา สิทธิในสถานะบุคคล การสมรสและครอบครัว มรดก และความรับผิดทางละเมิด และบทบัญญัติเพิ่มเติม โดยประมวลกฎหมายแพ่งฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2564
– สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีนรับรองญัตติร่างกฎหมายความมั่นคงสำหรับฮ่องกง เมื่อวันที่ 28 พ.ค. สมาชิกสภาได้ออกเสียงรับรองญัตติร่างกฎหมายความมั่นคงสำหรับฮ่องกง ซึ่งเป็นญัตติได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก มีความสำคัญต่อความสงบเรียบร้อยของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงในอนาคต
– “人民至上”(เหรินหมินจื้อซ่าง) ประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด หรือประชาชนต้องมาก่อน ในช่วงที่มีการประชุมสองสภาเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เข้าร่วมฟังและเข้าร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยของคณะมองโกเลียใน โดยได้เน้นย้ำคำว่า “人民至上” (เหรินหมินจื้อซ่าง) ซึ่งอาจจะแปลว่าประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด หรือประชาชนต้องมาก่อน ซึ่งได้สะท้อนแนวคิดการบริหารประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเป็นอย่างดีที่สุด
จากช่วงชีวิตในที่เคยได้ไปอยู่กับชาวบ้านที่อำเภอเหลียงเจียเหอ ตั้งแต่อายุเพิ่งจะ 15 เป็นเวลานานถึง 7 ปี ความยากลำบาก ความมีน้ำใจของชาวบ้านมีอิทธิพลต่อความคิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อย่างลึกซึ้ง เมื่อเดือนมี.ค.ในขณะที่การระบาดของโรค COVID-19 เกิดวิกฤตที่เมืองอู่ฮั่น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้ไปเยี่ยมประชาชนชาวอู่ฮั่นด้วยตนเอง ไม่เสียดายเสียสละผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือชีวิตประชาชน โดยเชื่อว่าประชาชนต้องมาก่อน ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะได้รับชื่นชมและกล่าวขานกันอีกนาน