สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี ห้ามไม่ให้บุคคลชาวสหรัฐทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก 45 วัน ซึ่งนอกจาก TikTok แล้วยังมีแอปพลิเคชัน Wechat ด้วย
คำสั่งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระบวนการเจรจาของ “ไมโครซอฟต์” เพื่อซื้อกิจการ “TikTok”
สำนักงานข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า คำสั่งดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อ “ไบต์แดนซ์” ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ “ไมโครซอฟต์” เพื่อขายกิจการ“TikTok” ในสหรัฐ โดย “ไมโครซอฟต์” เพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า จะบรรลุดีลการซื้อขายดังกล่าวให้ลุล่วง ภายในวันที่ 15 ก.ย. 2020
ทั้งนี้ แอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียจากจีนที่ทำธุรกิจในสหรัฐได้ถูกกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความกังวลว่า ข้อมูลจำนวนมหาศาลของชาวอเมริกันที่รวบรวมโดยแอปพลิเคชันเหล่านี้ อาจรั่วไหลไปถึงมือของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ โดย “ไมค์ ปอมเปโอ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้แอปพลิเคชั่น “ที่ไม่น่าไว้วางใจ” จากจีน ถูกลบออกจากแอพสโตร์
นอกจากนี้ “ไมค์ ปอมเปโอ” ยังระบุอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อจำกัดการดำเนินธุรกิจบริษัทผู้ให้บริการคลาวด์สัญชาติจีน
และ ในวันเดียวกันนั้นเอง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารอีกฉบับที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน โดยได้ออกคำสั่งห้ามบุคคลสหรัฐทำธุรกรรมกับ “เทนเซนต์” บริษัทจากจีนซึ่งเป็นเจ้าของ “WeChat” อีกหนึ่งแอพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียยอดนิยมในสหรัฐ
.
.
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ