ศูนย์พักฟื้นหลังคลอดระดับ 5 ดาวเป็นธุรกิจหรูที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในจีน โดยเฉพาะนับตั้งแต่รัฐบาลได้มีนโยบายผ่อนปรนให้ชาวจีนสามารถมีลูกคนที่ 2 ได้ หลายครอบครัวยินดีควักเงินหลักแสนเพื่อแลกกับความสะดวกสบายในการเข้าคอร์ส “อยู่เดือนหลังคลอด” หรือ 坐月子(จั้ว-เยว่-จึ) ตามธรรมเนียมความเชื่อของชาวจีน ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่การดูแลเรื่องสุขภาพ อาหารการกิน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการสอนวิธีเลี้ยงลูก
ปัจจุบัน ธุรกิจรูปแบบนี้เริ่มมีให้บริการแล้วในเมืองไทย โดยการดำเนินงานของโรงพยาบาลสมิติเวชที่เริ่มนำร่องเปิดบริการศูนย์หลังคลอดระดับ 5 ดาวที่เน้นการบริการที่มีความเป็นจีนแท้ตามขนบธรรมเนียม วิถีปฏิบัติ และการบริการแบบพรีเมียมของรพ.สมิติเวช
“ การอยู่เดือนเป็นธรรมเนียมจีนที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ โดยในช่วงหนึ่งเดือนหลังคลอดต้องเก็บตัวทำทุกอย่างอยู่แต่ในบ้าน หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก เพื่อพักฟื้นบำรุงร่างกายและดูแลลูกอย่างเต็มที่ เราจึงมองเห็นโอกาสในการพัฒนาบริการใหม่นี้ขึ้นมาสำหรับกลุ่มคุณแม่ชาวจีน เพื่อให้สามารถพักฟื้นอยู่เดือนหลังคลอดได้ครบถ้วนตามธรรมเนียมจีน ด้วยบริการระดับพรีเมียมที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น” พญ.ณัฐยา รัชตะวรรณ สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เล่าถึงที่มาของการเปิดตัวบริการศูนย์หลังคลอดตามธรรมเนียมจีนแท้แห่งแรกของไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มครอบครัวชาวจีนที่ย้ายเข้ามาทำงาน ศึกษาต่อ หรือลงทุนทำธุรกิจในไทย รวมถึงกลุ่มคุณแม่ชาวจีนในประเทศจีนที่วางแผนบินมาคลอดและพักฟื้นในเมืองไทยกับรพ.สมิติเวช
ตลอด 28 วันของการเข้าพักที่ศูนย์หลังคลอด รพ.สมิติเวช ทั้งคุณแม่และลูกน้อยจะได้รับการดูแลด้วยบริการระดับพรีเมียมประหนึ่งอยู่ในโรงแรม 5 ดาวสำหรับแม่และทารก ซึ่งมีบริการครอบคลุมทั้งด้านการแพทย์แบบมืออาชีพ ภายใต้การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมโดยคุณหมอและพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ มีการประเมินสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อย การดูแลแผลผ่าตัดคลอดหรือแผลฝีเย็บ รวมถึงเตรียมความพร้อมก่อนกลับบ้านและข้อมูลที่จำเป็น เช่น การให้นม สอนวิธีการเลี้ยงลูก และเพื่อความอุ่นใจ ยังมีบริการแพทย์แผนจีนโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลคุณแม่หลังคลอด พร้อมด้วยบริการล่ามจีน 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีนักกำหนดอาหารผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยดูแลภาวะโภชนการของคุณแม่หลังคลอด โดยบริการอาหารสไตล์จีนที่มีความหลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกเมนูและปรับเปลี่ยนรสชาติให้ถูกปากได้ตามที่ต้องการ


ระหว่างที่พักฟื้นอยู่ที่ศูนย์หลังคลอดภายในรพ.สมิติเวช คุณแม่หลังคลอดจะได้รับการดูแลแบบพิเศษ เพื่อความสุขสบาย ผ่อนคลาย และฟื้นฟูสุขภาพคุณแม่หลังคลอดตามมาตรฐานวิชาชีพระดับสากล รวมทั้งการดูแลลูกน้อยด้วยทีมแพทย์และพยาบาลมืออาชีพ
“ จากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้คุณแม่ยุคใหม่ส่วนใหญ่มีลูกกันน้อยลง จึงต้องการความสะดวกสบายและการดูแลจากผู้ที่มีประสบการณ์อย่างใกล้ชิด การเข้าพักในศูนย์อยู่เดือนหลังคลอดซึ่งมีบริการที่ครบครันจึงตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่มือใหม่ที่ต้องเผชิญกับช่วงเวลายากลำบากที่อาจเกิดขึ้นหลังคลอด ไม่ว่าเป็นปัญหาเจ็บแผล ปัญหาในการให้นมและเลี้ยงดูลูกหลังคลอด” พญ.ณัฐยา กล่าว
ปัจจุบัน บริการศูนย์หลังคลอดตามธรรมเนียมจีนของรพ.สมิติเวช มีให้บริการทั้งที่รพ.สมิติเวช สุขุมวิท และรพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวจีนที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจ และย้ายเข้ามาปักหลักอยู่ที่เมืองไทย




นอกจากนี้ ยังมีคุณแม่ชาวจีนบางส่วนที่วางแผนบินจากจีนเพื่อมาคลอดที่เมืองไทยโดยเฉพาะ โดยจะเข้ามาอยู่เมืองไทยเพื่อเตรียมความพร้อมในช่วง 2 เดือนก่อนคลอด เนื่องจาก รพ.สมิติเวช มีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านการบริการและการแพทย์ระดับโลกโดยเฉพาะด้านการดูแลแม่และเด็ก อีกทั้งค่าใช้จ่ายการ“อยู่เดือนหลังคลอด”ในไทยยังถูกกว่าในจีน เมื่อเทียบกับการเข้ารับบริการในรพ.ระดับเดียวกันในประเทศจีน ซึ่งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักล้าน นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างที่พักฟื้น ครอบครัวและผู้ติดตามยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆในเมืองไทยได้อีกด้วย
“ ในช่วงที่ผ่านมา ชาวจีนที่เข้ามาใช้บริการในรพ.สมิติเวช ทั้งจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและ ไต้หวัน มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งรพ.สมิติเวชของเรามีจุดเด่นในด้านบริการระดับพรีเมียม มีล่ามจีนที่มีความชำนาญคอยให้บริการ ตอบคำถาม ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ
นโยบายของเรายังต้องการเปิดตลาดกลุ่มคุณแม่ชาวจีนในชุมชนชาวจีนที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย เช่น ย่านสุขุมวิท ย่านพระราม9 ย่านบางนา ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างบริการที่ประทับใจเพื่อให้เกิดการบอกต่อ ซึ่งบริการการแพทย์สำหรับแม่และเด็ก เป็นสาขาหนึ่งที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะบริการสำหรับผู้มีบุตรยาก การผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช รวมถึงจุดเด่นด้านบริการเพื่อการดูแลแม่และเด็กอย่างครบวงจร ความสามารถทางการแพทย์ระดับโลก การบริการแบบไทยที่สร้างความประทับใจ การใส่ใจต่อมาตรฐานสุขอนามัยและบริการที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้รับบริการ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นจุดแข็งที่ทำให้ไทยมีศักยภาพในก้าวสู่การเป็นเมดิคัลฮับเพื่อให้บริการดูแลสุขภาพแก่ผู้คนทั่วโลก” พญ.ณัฐยา กล่าว