“กาญจนบุรี”เมืองนี้ไปเที่ยวได้ง่ายๆ ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและหลากหลาย มาจังหวัดเดียวได้เที่ยวครบ เที่ยวได้ทั้งปี ทุกฤดู
Day 1: ซาฟารีปาร์ค – คีรีมันตรา – The River Kwai Paradise
เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้า มุ่งหน้าสู่สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค สวนสัตว์เปิดแห่งแรกในจ.กาญจนบุรี ที่มาพร้อมประสบการณ์ความน่าตื่นเต้นกับการได้สัมผัสสัตว์ป่าต่างๆอย่างใกล้ชิด โดยจะมีรถบัสคันเล็กๆพาเข้าไปด้านใน ไฮไลท์ต้องยกให้ความน่ารักขี้อ้อนของเจ้ายีราฟที่ยื่นคอยาวๆเข้ามาทางหน้าต่างให้เราได้ป้อนอาหารถึงในรถ
ส่วนใครที่อยากถ่ายรูปกับยีราฟแบบใกล้ชิดและเป็นส่วนตัว แถมยังภาพสวยๆเหมือนได้ไปแอฟริกา ที่นี่เขาก็มีบริการทัวร์ตะลุยแดนยีราฟแบบ Private ด้วยรถจี๊ปซาฟารี โดยจ่ายเพิ่มคนละ 1,000บาท
จากนั้นแวะเติมพลังมื้อเที่ยงกันที่ คีรีมันตรา ร้านอาหารราคาหลักร้อยแต่วิวหลักล้านที่บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติขุนเขาและทุ่งหญ้า อิ่มอร่อยไปกับเมนูขึ้นชื่อของทางร้านที่มีทั้งต้มยำปลาคัง ปลากดเหลืองทอดน้ำปลา ห่อหมกโบราณ ปลาช่อนคีรี น้ำพริกธารา ฯลฯ
ช่วงบ่ายเดินทางเข้าที่พัก The River Kwai Paradise ซึ่งตั้งอยู่ข้างสะพานดาวดึงส์ ริมแม่น้ำแควน้อย บรรยากาศโอบล้อมไปด้วยภูเขาและต้นไม้ ตอนเช้าจะได้เห็นหมอกขาวจางๆลอยเหนือแม่น้ำ อากาศเย็นสบาย ตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงธรรมชาติน้ำไหลในลำธาร เหมาะแก่การมาพักผ่อน และที่นี่ยังมีกิจกรรมล่องแพให้ผู้ที่เข้ามาพักได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติสองข้างทางอย่างเพลินเพลินอีกด้วย




Day 2: เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 – Rock Valley Hot spring & Fish Spa
เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 ด้วยการย้อนเวลากลับไปเป็นออเจ้าตามหาพี่หมื่น ณ เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ที่นี่จำลองบรรยากาศย้อนยุค เหมือนได้กลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้าน บ้านเรือนทรงไทย ย่านร้านค้า อาหารการกิน และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่แต่งชุดไทยโบราณ ซึ่งที่นี่ก็มีบริการชุดไทยหลากหลายสไตล์ให้เราได้แต่งกายเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศพร้อมถ่ายรูปสวยๆ
นอกจากนี้ ยังมีบุฟเฟต์มื้อกลางวันซึ่งเป็นอาหารไทยโบราณที่หาทานได้ยาก เช่น แกงรัญจวน ม้าฮ่อ ขนมจีนน้ำพริก ขนมรังไร และอีกหลากหลายเมนู
ช่วงบ่ายได้เวลาผ่อนคลายไปอาบน้ำแร่แช่ออนเซ็นเมืองไทยกันที่ Rock Valley Hot Spring & Fish Spa สปาท่ามกลางธรรมชาติติดริมน้ำแควซึ่งต้องเดินทางเข้าไปด้วยการนั่งเรือ บรรยากาศภายในร่มรื่นไปด้วยธรรมชาติและต้นไม้
ความพิเศษของที่นี่คือมีบ่อน้ำแร่ทั้งหมด 15 บ่อ ทั้งบ่อกาแฟ บ่อชา บ่อยูคาลิปตัส บ่อฟ้าทะลายโจรฯลฯ โดยมีอุณหภูมิตั้งแต่ 38-43 องศา หากใครไม่อยากแช่น้ำ ที่นี่ก็มีบริการนวดและสปาให้เราได้ผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดเมื่อย




Day 3: วัดถ้ำเสือ – ต้นจามจุรี – มาตะกาญ – ร้านแก้วของฝาก
วันสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพฯ แวะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองกาญจน์ที่วัดถ้ำเสือ ซึ่งเป็นวัดที่มีองค์พระใหญ่ที่สุดในจ.กาญจนบุรีและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของไทย
การขึ้นไปบนเขาที่ประดิษฐานของหลวงพ่อชินประทานพรและพระเจดีย์เกศแก้วปราสาทนั้นสามารถเดินขึ้นบันไดจำนวน 157 ขั้น หรือขึ้นรถรางก็ได้ ซึ่งมีค่าบริการเพียง 10 บาทเท่านั้น เมื่อเดินขึ้นไปถึงที่ประดิษฐานจะเห็นวิวเมืองกาญจน์และแม่น้ำแม่กลอง
จากนั้นแวะไปรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันต่อที่มาตะกาญจน์ Café & Restaurant ร้านอาหารและคาเฟ่วิวทุ่งนา หลังวัดถ้ำเสือ
เมนูแนะนำของที่นี่ ได้แก่ ยำพระอาทิตย์กุ้งสด จ๊อปูไส้กรอกฮ่องกง หลนปูนาหลังวัด ฯลฯ รสชาติถึงเครื่องสุดๆ ส่วนไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่บันไดสวรรค์สีขาวกลางทุ่งนาตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใส เวลาขึ้นไปยืนหรือนั่งจะเหมือนเรานั่งอยู่บนฟ้า ถือเป็นอีกร้านที่สายคาเฟ่ห้ามพลาดเด็ดขาด
ไปกันต่ออีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของกาญจนบุรี นั่นก็คือต้นจามจุรียักษ์ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนมาถ่ายรูปและเยี่ยมชมความใหญ่โตของต้นจามจุรี ภายในมีที่จอดรถหลายจุด มีพื้นที่ขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมืองของชุมชน




ก่อนเข้ากรุงเทพฯ แวะร้านแก้วของฝาก ถือเป็นอีกหนึ่งร้านของฝากที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกาญจนบุรี ที่นี่มีของกินหลากหลายให้ซื้อกลับบ้านและไปเป็นของฝาก ไม่ว่าจะเป็นทองม้วนสด มะขามกวน ขนมหม้อแกง วุ้นมะพร้าวอ่อน ฯลฯ
มาเที่ยวเมืองกาญจน์ทริปนี้ถือเป็นทริปพักผ่อน 3 วัน 2 คืนที่คุ้มค่าและเต็มอิ่มสุดๆ หากใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวสวยๆ ใกล้กรุงเทพฯ สำหรับวันหยุด สามารถตามรอยมาเที่ยวกาญจนบุรีกันได้ รับรองเลยว่าได้ความสนุกสุดประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน