จีน-อาเซียน แบ่งปันประสบการณ์บรรเทาความยากจน มุ่งสู่เส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

ผู้นำชุมชนจากอาเซียน เรียนรู้ประสบการณ์การแก้ไขปัญหาความยากจนจากจีน “东盟村官”向“中国村官”学习可持续减贫经验

ผู้เขียน : กวน ชิวอวิ้น นิตยสาร CAP

พื้นที่ชนบทอันห่างไกลบนเกาะมินดาเนาในฟิลิปปินส์ เกาะโกโมโดที่ถูกทิ้งร้างในอินโดนีเซีย หมู่บ้านยากจนล้าหลังในกัมพูชา ชุมชนชาวดอยในเชียงรายซึ่งมีประชากรที่ได้รับการศึกษาไม่ถึง 8% ในไทย …“ความยากจนข้นแค้น” เคยเป็นภาพจำของสถานที่ซึ่งมีทัศนียภาพอันงดงามแต่วิถีชีวิตความเป็นอยู่ล้าหลังเหล่านี้ เมื่ออาเซียนต้องการแสวงหาแนวทางการบรรเทาความยากจนและการพัฒนา จีนซึ่งเป็นประเทศข้างเคียงและอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาที่คล้ายคลึงกัน ดูจะเป็นต้นแบบที่เหมาะสมที่อาเซียนสามารถนำมาปรับใช้ได้

นอกจากนี้ ความพยายามในช่วงที่ผ่านมายังได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์คู่เจรจา การดึงศักยภาพของชุมชนในท้องถิ่น และการเสริมสร้างความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างจีนและอาเซียน กำลังช่วยเร่งให้กระบวนการบรรเทาความยากจนของแต่ละประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล

จีน-อาเซียน ร่วมกันแก้ไขปัญหาความยากจน บนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศในอาเซียนได้เรียนรู้ประสบการณ์การแก้ไขปัญหาความยากจนมากมายจากจีน ตั้งแต่การบรรเทาความยากจนผ่านการผลักดันภาคอุตสาหกรรม การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต โมเดลการขจัดความยากจนแบบตรงจุดของจีนได้ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้คนในอาเซียนเข้าถึงภูมิปัญญาและความสามารถในการบรรเทาความยากจนของจีนมากยิ่งขึ้น

คณะจากอาเซียน เดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาความยากจนในตำบลซินเจียง นครหนานหนิง เขตฯกว่างซีจ้วง ประเทศจีน “东盟来华考察团”在参观广西南宁新江镇“摘帽”贫困村

หากใครที่ได้ติดตามข่าวความสำเร็จในการขจัดความยากจนของจีน จะต้องเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘ช่วยลดความยากจน เกื้อหนุนอุตสาหกรรม นำพาผู้คนไปสู่ชีวิตที่ดี’ หมู่บ้านสวายอัมเพีย พื้นที่นำร่องโครงการความร่วมมือเพื่อช่วยบรรเทาความยากจนในกัมพูชาของจีน ถือเป็นหนึ่งในชุมชนตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงคำกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี

เมื่อก้าวเข้ามาใน ‘หมู่บ้านสวายอัมเพีย’ สิ่งแรกที่จะได้เห็นคือโรงงานใหม่เอี่ยม 2 หลัง สถานที่ตั้งของวิสาหกิจชุมชน ที่ทีมโครงการจากจีนและรัฐบาลกัมพูชาร่วมกันสร้างขึ้น ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนพิการ สตรี เด็กและคนชรา ทีมโครงการจึงได้เสนอให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม โดยการนำแปลงที่ดินส่วนหนึ่งมาสร้างเป็นโรงงานผลิตน้ำยาทำความสะอาด จำนวน 2 หลัง ปัจจุบันโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 1.5 แสนขวดต่อปี มูลค่าการผลิต 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าคำสั่งซื้อจากทั่วโลกจะตามมามากขึ้น

อีกด้านหนึ่งที่ ‘หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดกว๋างนาม’ ของเวียดนาม ชาวบ้านได้เริ่มหันมาจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และการไลฟ์สด “ปัจจุบันทีมช่วยเหลือจากจีนได้สร้างศูนย์ปฏิบัติการบรรเทาความยากจนด้วยอีคอมเมิร์ซ 2 แห่งขึ้นในหมู่บ้านในกว๋างนาม พร้อมทั้งสอนเทคนิคการไลฟ์สดและการขายผ่านอีคอมเมิร์ซให้แก่ชาวบ้าน ทำให้รายได้ของผู้คนในท้องที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี” รองศาสตราจารย์ติงจ้งเซิ่งจากวิทยาลัยการเงินเวียดนาม กล่าว

นอกจากนี้ ทางการเวียดนามยังได้ร่วมมือกับ ‘ลาซาด้า’ เปิดตัว ‘ร้านค้าบรรเทาความยากจนในต่างประเทศ’ ช่วยให้ผลิตผลทางการเกษตรของเกษตรกรในท้องถิ่น เช่น มะม่วง มันสำปะหลัง ยางพารา และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีช่องทางจัดจำหน่ายไปยังต่างประเทศมากขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านในท้องที่

ผู้แทนชุมชนพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์การแก้ไขปัญหาความยากจนกับคณะจากอาเซียนที่เดินทางมาศึกษาดูงานในจีน 中国“摘帽”贫困户代表韦庆成向“东盟来华考察团”分享脱贫经验

‘โรงเรียนกลางทุ่งนา’ เป็นโมเดลการบรรเทาความยากจนแนวใหม่ที่ Sulis Jorini อธิบดีกรมพัฒนาชนบท กระทรวงหมู่บ้าน การพัฒนาพื้นที่ทุรกันดารและการอพยพถิ่นฐานของอินโดนีเซีย (Ministry of Village, Development of Disadvantaged Region and Transmigration) ให้ความสนใจอย่างมาก หลังจากได้เดินทางไปดูงานที่อำเภอหรงอัน เมืองหลิ่วโจว ประเทศจีน เมื่อปี 2020

Sulis Jorini กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนของจีนนั้นจะให้ความสำคัญกับ ‘การบรรเทาความยากจน เริ่มต้นจากการศึกษา’ โดยใช้ “ผืนนา” เป็นเสมือนห้องเรียน สอนองค์ความรู้ทางการเกษตรยุคใหม่ให้กับเกษตรกร ซึ่งในอนาคตอินโดนีเซียจะได้นำโมเดลนี้ไปปรับใช้ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน หลังจากได้เรียนรู้ประสบการณ์บรรเทาความยากจนด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากจีน ‘บ้านจะแล’ ในจังหวัดเชียงรายได้อาศัยน้ำตกห้วยแม่ซ้ายในเขตป่าสงวนข้างเคียงในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมขน พลิกโฉมหมู่บ้านที่เคยล้าหลังให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ จนทำให้ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยต่อปีของคนในท้องที่เกินกว่า 13,000 บาท

เมื่อเข้าสู่ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน จีนและอาเซียนต่างตระหนักดีว่า มีเพียงการยึดมั่นในแนวคิดการบรรเทาความยากจนบนเส้นทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเท่านั้น ที่จะทำให้ผู้คนที่ประสบปัญหาความยากจนในภูมิภาคจีน-อาเซียน สามารถร่วมแบ่งปันผลแห่งการพัฒนาร่วมกัน และส่งต่อผลการพัฒนานี้ไปยังรุ่นต่อไปได้

จะทำอย่างไร เมื่อคนกลับมายากจนอีกครั้งเพราะโควิด?

สำหรับงานด้านการบรรเทาความยากจน การช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นจาก “ความยากจนเชิงสัมบูรณ์” (Absolute Poverty) ยังไม่ใช่บทสรุปความสำเร็จ เนื่องจากผู้คนยังมีโอกาสกลับมายากจนได้อีกจากภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขต่างๆ จากสถานการณ์ที่ทั่วโลกยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การกลับมายากจนอีกครั้งเพราะโควิด กำลังเป็นประเด็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่องานด้านการบรรเทาความยากจนทั่วโลก และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน

เทคโนโลยีข้าวลูกผสมสายพันธุ์ “Green Super Rice” (GSR) จากจีน ช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกรในฟิลิปปินส์ 来自中国的“绿色超级稻”技术出海菲律宾,成功为菲律宾稻谷提质增产

ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อเดือนมี.ค.2564 จากผลกระทบของโควิด-19 ภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงน่าเป็นห่วง ระดับการบริโภคของบางประเทศในภูมิภาคลดกลับไปสู่ระดับเส้นมาตรฐานความยากจนในอดีต กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดจนกลับมายากจนอีกครั้งอาจมีมากถึง 30 ล้านคน สถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน การกระจายตัวที่รวดเร็วและยากต่อการรับมือ ล้วนแต่มีส่วนทำให้ปฏิบัติการบรรเทาความยากจนทำได้ยากลำบากขึ้น

แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เป็นไปในทิศทางที่ดีนัก แต่ผู้ที่คลุกคลีกับการแก้ไขปัญหาความยากจนในอาเซียนมาเป็นเวลานานก็ยังเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาความยากจนท่ามกลางสถานการณ์โควิด “การกลับมายากจนอีกครั้งเพราะโควิดเป็นปัญหาร่วมกันของทั่วโลก ตราบใดที่แต่ละประเทศร่วมกันเสริมสร้างความร่วมมือและแบ่งปันประสบการณ์บนพื้นฐานของการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลดปัญหาความยากจน ชีวิตของผู้คนจะได้รับการคุ้มครองและยกระดับ” Isabel บรรณาธิการ นสพ. Manila Bulletin ในฟิลิปปินส์ กล่าว

ในประเด็นนี้ มาตรการรับมือการกลับมายากจนอีกครั้งเพราะโควิดของมาเลเซียและฟิลิปปินส์นับว่ามีความน่าสนใจ รัฐบาลมาเลเซียได้จัดให้มีจุดตรวจสอบข้อมูลในแต่ละชุมชน เพื่อบันทึกข้อมูลของผู้ที่ได้ผลกระทบจากโควิด มอบเงินช่วยเหลือและทำประกันให้กับประชาชน ช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพขั้นต่ำของผู้ที่ได้รับผลกระทบ

แบบแปลนหมู่บ้านบรรเทาความยากจนที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างภายในนิคมอุตสาหกรรมจีน(ชินโจว)-มาเลเซีย 正在建设中的中马钦州产业园区特色扶贫小镇概念图

ด้านฟิลิปปินส์ได้นำเทคโนโลยีข้าวลูกผสมสายพันธุ์ “Green Super Rice” (GSR) จากจีนมาพัฒนาปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ซึ่งมีดินภูเขาไฟที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์และสภาพภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน หลังจากที่เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้ ส่งผลให้ข้าวที่บานาเวให้ผลผลิตสูงถึง 2.4 ล้านตันต่อปี แม้ว่าต่อมาจะเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่รายได้ของเกษตรกรยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับประเทศจีน ปรากฏการณ์การกลับมายากจนอีกครั้งหลังโควิด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตกที่เคยหลุดพ้นจากความยากจนมาแล้ว ซึ่งทางการจีนได้ดำเนินงานด้านที่เกี่ยวข้องโดยยึดหลักการพื้นฐานของ “การรับประกันคุณภาพชีวิต รับประกันค่าจ้าง และการรับประกันการดำเนินงาน” มอบสิทธิพิเศษให้กับสถานประกอบการที่ดำเนินงานด้านการบรรเทาความยากจน ให้สามารถขอคืนเงินหรือเลื่อนการชำระเบี้ยประกันสังคมออกไปได้ ตลอดจนสนับสนุนให้คนจนที่ไม่สามารถออกไปทำงานนอกบ้านได้ ลงมือทำแปลงเกษตรและจัดเวิร์คช็อปภายในพื้นที่ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นโครงการที่ลงทุนน้อย ใช้ระยะเวลาที่สั้นและเห็นผลเร็ว

การบรรเทาความยากจนเป็นงานที่กินเวลาต่อเนื่องยาวนาน ผลกระทบจากโควิด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บ และการขาดองค์ทักษะความรู้ ล้วนแต่ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราการกลับมายากจนโดยรวมทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกลไกกำกับดูแลที่เหมาะสมและได้ผลในระยะยาว

ตัวแทนจากกัมพูชาถ่ายภาพกับสวนกล้วยของกลุ่ม Guangxi Jinsui Agriculture Group ขณะเดินทางมาดูงานในจีน “东盟来华考察团”柬埔寨代表在广西金穗农业集团的香蕉种植地前拍照留念

จะทำอย่างไรให้มั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ของการลดความยากจนจะคงอยู่ได้ในระยะยาว และป้องกันความเสี่ยงของการกลับไปสู่ความยากจนในอนาคต จาง ลี่จวิน คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชนชาติจีน (Minzu University of China) และ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันพัฒนาชายแดนและยกระดับคุณภาพชีวิตของจีน (China Institute for Vitalizing Border Areas and Enriching the People) กล่าวว่า ในแง่หนึ่งเราต้องกระตุ้นการมีส่วนร่วมของคนจนในพื้นที่ ปรับปรุงทักษะการผลิตและศักยภาพในการแข่งขันของพวกเขาผ่านการฝึกอบรมคุณภาพการทำงาน การฝึกฝนทักษะอาชีพ และการบ่มเพาะองค์ความรู้ทางธุรกิจ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน รวมถึงสร้างกลไกการช่วยเหลือต่างๆจากภายนอกเข้ามาช่วยส่งเสริมกลไกบรรเทาความยากจนภายในท้องที่ ขณะเดียวกัน ต้องไม่หยุดพัฒนาต่อยอด ค้นหาวิธีที่เหมาะสมในการลดความยากจน ปรับปรุงระบบและกลไกในการดำเนินนโยบายเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จในทางปฏิบัติ อุดช่องโหว่ของการบรรเทาความยากจนในภาคอุตสาหกรรม ใช้กองทุนบรรเทาความยากจนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเร่งแสวงหาโมเดลการพัฒนาในรูปแบบการเปลี่ยนทรัพยากรให้เป็นสินทรัพย์ เปลี่ยนเงินทุนเป็นหุ้น และเปลี่ยนให้เกษตรกรกลายเป็นผู้ถือหุ้น

ความยากจนเป็นเสมือนโรคร้ายที่มนุษยชาติหวังจะรักษาให้หายขาด การขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปนับเป็นความปรารถนาที่ผู้คนต่างมุ่งแสวงหาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สำหรับทั่วโลกแล้ว เรื่องราวการขจัดความยากของจีนและอาเซียน ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าแห่งความสำเร็จ แต่เป็นดั่งความหวังและอนาคต จีนและอาเซียนจะมุ่งมั่นแบ่งปันทฤษฎีและแนวทางปฏิบัติในการบรรเทาความยากจนกับทั่วโลกต่อไป เผชิญกับความท้าทายใหม่ของการจัดการความยากจนทั่วโลก เพื่อร่วมสร้างชุมชนแห่งโชคชะตาร่วมกันที่ไร้ความยากจนอย่างยั่งยืน


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *