การเติบโตของ E-commerce ข้ามแดนที่กว่างซี โอกาสเชื่อมตลาดจีนสำหรับผู้ประกอบการไทย

ชี้ช่องโอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทย ส่งตรงจากรายงานสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง ระบุว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 รัฐบาลจีนได้ออกประกาศ “ความเห็นว่าด้วยการเร่งพัฒนาการค้าต่างประเทศรูปแบบใหม่” โดยมีมาตรการเร่งส่งเสริมการพัฒนาการค้าต่างประเทศรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการกระตุ้นการพัฒนา E-commerce ข้ามแดน (Cross Border E-Commerce)

ทั้งนี้ กว่างซีนับเป็นมณฑลที่มีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งและนโยบายส่งเสริมจากส่วนกลาง ซึ่งช่วยให้ E-commerce ข้ามแดนสามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จึงนับเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ประสงค์จะดำเนินธุรกิจ E-commerce ข้ามแดนกับจีน โดยสามารถใช้กว่างซีเป็นช่องทางการเชื่อมต่อกับตลาดในประเทศจีนได้

มูลค่าการค้า E-Commerce ข้ามแดนที่กว่างซี ครึ่งปีแรกเติบโตกว่า 5 เท่า ทะลุ 3,433 ล้านหยวน

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2564 สำนักงานการพัฒนาเขตทดลองการค้าเสรีแห่งประเทศจีนใน เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ได้ประกาศว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 มูลค่าการค้า E-commerce ข้ามแดนในเขตทดลองการค้าเสรีกว่างซี พื้นที่ย่อยเมืองหนานหนิงและเมืองฉงจั่วอยู่ที่ 3,433 ล้านหยวน ขยายตัวร้อยละ 508.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ เขตทดลองการค้าเสรีกว่างซีได้ร่วมกับรัฐบาลเมืองต่างๆ ในการบ่มเพาะการค้า E-commerce ข้ามแดนรูปแบบใหม่ และส่งผลต่อการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด โดยเมืองหนานหนิงและเมืองฉงจั่วได้รับอนุมัติให้เป็นเขตทดลองเขตการค้าเสรีแห่งประเทศจีน ขณะที่เมืองชินโจวได้รับอนุมัติให้เป็นจุดทดลองการนำเข้าผ่านช่องทาง E-commerce ข้ามแดนในรูปแบบค้าปลีก ซึ่งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ E-commerce ข้ามแดนในพื้นที่เขตทดลองการค้าเสรีจะได้รับสิทธิพิเศษด้านนโยบาย การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร และโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ยังมีเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสำหรับแพลตฟอร์ม E-commerce ข้ามแดน บริษัทที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้าสูง และเมื่อมีการก่อตั้งโกดังในต่างประเทศ

ปัจจุบัน เขตทดลองการค้าเสรีกว่างซียังมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานแบบครบวงจรมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ แพลตฟอร์มบริหารสาธารณะ คลังสินค้าทัณฑ์บน และร้านทดลอง การแสดงสินค้าข้ามแดนทางออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมดึงดูดบริษัท E-commerce ให้เข้ามาจัดตั้งธุรกิจในเขตทดลองการค้าเสรีกว่างซีเป็นจำนวนมากกว่า 100 ราย ตัวอย่างเช่น บริษัท LAZADA ที่สามารถเสนอบริการด้านการบ่มเพาะ การไลฟ์สด และการอบรม ให้กับบริษัทที่มีความต้องการได้

ขณะเดียวกัน ยังได้มีการริเริ่มเส้นทางการขนส่งและระบบโลจิสติกส์สำหรับ E-commerce ข้ามแดนของกว่างซีสู่อาเซียนมากขึ้น ได้แก่

• เมืองหนานหนิงได้เปิดเส้นทางขนส่งสินค้า E-commerce ข้ามแดนเฉพาะ ระหว่างเมืองหนานหนิง-เวียดนาม เมืองหนานหนิง-มะนิลา และเมืองหนานหนิง-กรุงเทพฯ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่ท่าเรือชินโจวมีความได้เปรียบเรื่องการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ “เรือ+ ราง” เนื่องจากการดำเนินพิธีการศุลกากรที่มีประสิทธิภาพและระยะเวลาการขนส่งที่ลดลง ซึ่งช่วยลด ต้นทุนและความเสี่ยงทางธุรกิจได้

• เมืองฉงจั่วได้เปิดช่องทางสีเขียวให้กับสินค้า E-commerce ข้ามแดน โดยสินค้าที่ผ่านพิธีการศุลกากรที่เขตสินค้าทัณฑ์บนประจำอำเภอระดับเมืองผิงเสียงของเมืองฉงจั่วแล้ว จะใช้ระยะเวลา 1 วันในการขนส่งไปเวียดนาม และระยะเวลา 2 วัน ในการขนส่งไปประเทศไทย

นอกจากนี้ เขตทดลองการค้าเสรีกว่างซีได้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินพิธีการศุลกากรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พื้นที่ย่อยเมืองหนานหนิงได้นำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อผนวกการควบคุม บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ พัสดุระหว่างประเทศทั่วไป และพัสดุระหว่างประเทศรูปแบบ E-commerce ข้ามแดน เข้ามาอยู่ในโหมดเดียวกัน ช่วยลดระยะเวลาการดำเนินพิธีการศุลกากรจากเดิม 8 ชั่วโมง เหลือเพียง 1 ชั่วโมง ปัจจุบัน ความสามารถในการดำเนินพิธีการศุลกากรสำหรับสินค้าดังกล่าวอยู่ที่ 1 ล้านชิ้นต่อวัน ขณะที่พื้นที่ย่อยเมืองฉงจั่วได้ลดขั้นตอนการยื่นสำแดงใบสินค้า E-commerce ข้ามแดน ทำให้สามารถบริหารจัดการใบแจ้งศุลกากรได้ 5 แสนฉบับภายใน 1 ชั่วโมง ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนบุคลากรอีกด้วย

จากการพัฒนาไปอย่างรุดหน้าของ E-commerce ข้ามแดนในด้านต่างๆเหล่านี้ จึงนับเป็นโอกาสที่น่าสนใจซึ่งจะช่วยก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างจีนกับไทยและอาเซียนให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตโดยมีกว่างซีเป็นประตูการค้าที่สำคัญ


 

Your email address will not be published. Required fields are marked *