30 ปี ความสัมพันธ์จีน-อาเซียน …’จีน-ไทย’ก้าวเข้าสู่ยุคของความร่วมมือแบบ Win-Win

สัมภาษณ์พิเศษ อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง

ผู้เขียน กวน ชิวอวิ้น นิตยสาร CAP

ผ่านไปชั่วพริบตาเดียว จีนและอาเซียนก็ได้จับมือเดินเคียงข้างกันมา 30 ปีแล้ว ในฐานะหนึ่งในประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน ไทยได้เป็นสักขีพยานและมีส่วนร่วมในห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์จีน-อาเซียนมาโดยตลอด ตั้งแต่โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” การเร่งเดินหน้าโครงการความร่วมมือการท่องเที่ยวไทย-จีน การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และความตกลง RCEP รวมถึงการใช้ประโยชน์จากงาน China-ASEAN Expo (CAEXPO) เป็นช่องทางที่รวดเร็วของการพัฒนาเชิงลึก และให้ความสำคัญกับการกระชับความร่วมมือในหลากหลายด้านกับจีนอย่างจริงจัง

เนื่องด้วยปีนี้เป็นวาระครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาจีน-อาเซียน นิตยสาร China-ASEAN Panorama (CAP) ได้เดินทางไปยังปักกิ่ง เพื่อสัมภาษณ์ อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง จากการพูดคุยกันครั้งนี้ทำให้เรารับรู้ได้ว่า แม้หนทางการพัฒนาของทั้งสองฝ่ายจะเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ แตกต่างกันเป็นส่วนน้อย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือมิตรภาพ “จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน”

ไทยได้รับอานิสงส์จากความสัมพันธ์จีน-อาเซียนที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน

“จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอาเซียนมาหลายปีต่อเนื่อง ทั้งยังมีคุณูปการสำคัญด้านเศรษฐกิจการค้า ความมั่นคงในภูมิภาค การแลกเปลี่ยนด้านสังคมวัฒนธรรม และการพัฒนาทางเทคโนโลยีมาโดยตลอด ความร่วมมือสองฝ่ายประสบผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และในระหว่างช่วง 30 ปีความสัมพันธ์จีน-อาเซียนนี้ ผลของการไปมาหาสู่ระหว่างจีนกับไทยเองก็เด่นชัดมากเช่นกัน” ทูตไทยประจำปักกิ่ง กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน และจีนกับไทยที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน

อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งให้สัมภาษณ์พร้อมรอยยิ้ม (ภาพ: เฉิน อวี่)

“ความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนกับอาเซียนรวมถึงประเทศไทย สะท้อนให้เห็นผ่านการแลกเปลี่ยนระดับสูงทั้งในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคีที่มีมาอยู่ตลอด เช่น การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นที่นครฉงชิ่ง เมื่อต้นเดือนมิ.ย.2564 ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความเสมอภาคและไว้วางใจซึ่งกันและกันของทั้งสองฝ่าย และในสถานการณ์โควิด-19 จีนยังได้เร่งให้ความช่วยเหลือจัดหาและบริจาควัคซีนหลายล้านโดสแก่อาเซียน ส่งทีมบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาช่วยสนับสนุน ฯลฯ

นอกจากนี้ จีนและอาเซียนยังได้กำหนดขอบเขตความร่วมมือเฉพาะด้านขึ้นเป็นประจำทุกปี เช่น กำหนดให้ปี 2563 เป็นปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจีน-อาเซียน ขณะที่ปี 2564 เป็นปีแห่งความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนจีน-อาเซียน” ทูตไทยฯ กล่าว ในฐานะหนึ่งในสมาชิกกลุ่มประเทศจีน-อาเซียน ไทยจะเร่งเข้ามามีส่วนร่วมในความร่วมมือระดับภูมิภาค เก็บเกี่ยวผลของการพัฒนาที่เกิดจากความสัมพันธ์จีน-อาเซียนที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ

RCEP กำหนดมาตรฐานใหม่ความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าจีน-ไทย

เดือนพ.ย.2563 การลงนามความตกลง RCEP อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นความตกลงการค้าเสรีคุณภาพสูงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากใช้เวลาเจรจามายาวนานถึง 8 ปี ถือเป็นความหวังที่จะเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าโลกที่ถูกแช่แช็งภายใต้การแพร่ระบาดของไวรัสที่ลุกลาม

มองย้อนกลับไปในบริบทของการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าจีน-ไทย ปี 2563 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกโดยรวมระหว่างจีนและไทยสูงถึง 98,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยขึ้นแท่นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 12 ของจีน แซงหน้าประเทศพัฒนาแล้วอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ ด้วยอัตราเติบโตที่ 7.5% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เหนือความคาดหมายในช่วงโควิด

ขณะเดียวกัน จีนก็เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยและประเทศต้นทางนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทยมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทจีนที่มีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ การสื่อสารโทรคมนาคม เหล็กกล้า โซลาร์เซลล์ ต่างก็เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทย ส่วนกลุ่มซีพีของไทยก็เป็นบริษัทชื่อดังที่คนจีนรู้จักคุ้นหูกันดี

ในมุมมองของท่านทูตไทยฯ ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-จีนจากเดิมที่ดีอยู่แล้วจะยิ่งพัฒนารุดหน้าขึ้นไปอีก และเมื่อมีความตกลง RCEP เพิ่มเข้ามาก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจการค้าการลงทุนของสองประเทศเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ถ่ายภาพร่วมกับ หลี หมิ่น บรรณาธิการนิตยสาร CAP (ภาพ: เฉิน อวี่)

“ก่อนอื่นในภาพกว้างเราต้องรักษาการเปิดกว้างการค้าและการลงทุนให้คงอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าห่วงโซ่อุปทานโลกจะมีความยืดหยุ่น ต่อเนื่องและไม่ถูกกระทบได้ง่าย RCEP จะมีส่วนช่วยเร่งการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจหลังโควิด สร้างตลาดและโอกาสการทำงานที่มากขึ้นให้กับผู้ประกอบการและผู้คนทั่วโลก” ท่านทูตไทยฯ กล่าว

“ถัดมาหากมองในแง่เฉพาะด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างจีน-ไทย ภาคการส่งออก ภาคการผลิต และอีคอมเมิร์ซของไทยสามารถอาศัย RCEP เป็นช่องทางการพัฒนาได้ บริษัทท้องถิ่นในอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถเสริมสร้างการบูรณาการกับห่วงโซ่อุปทานภายในภูมิภาค ผ่านวัตถุดิบหรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากตลาด RCEP และจากการบูรณาการอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน ผู้ประกอบการ SMEs จะมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่คุณค่าของภูมิภาคและทั่วโลกมากขึ้น”

ไทยงัดมาตรการเด็ด ฟื้นการท่องเที่ยวควบคู่วัฒนธรรม

ปี 2563 เป็นปีที่สถานการณ์ไม่ปกติ นอกเหนือจากโอกาสใหม่ด้านเศรษฐกิจการค้าแล้ว สำหรับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่กำลังดิ้นรนกับวิกฤตโควิด ธุรกิจจะฟื้นกลับสู่สภาพเดิมได้เมื่อไหร่เป็นสิ่งที่พวกเขากังวลใจมากที่สุด ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเสาหลักทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องงัดไม้เด็ดออกมาช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง

“เพื่อที่จะฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ทุกฝ่ายในไทยต่างพยายามกันอย่างเต็มที่” ท่านทูตไทยฯ เล่าให้เราฟังว่า ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้ออกมาตรการสนับสนุนเงินค่าโรงแรมที่พัก เดินทางและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดตัวโครงการ “ฮักไทย” (HUG THAIS) เพื่อช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และเร่งขยายความร่วมมือกับหลายสายการบิน ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไดสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยในการเดินทางของนักท่องเที่ยว

ภายใต้สถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาด สถานทูตไทยในจีนได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมาก เพื่อรักษาการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้คนทั้งสองประเทศ
“นับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางสถานทูตได้ปรับเปลี่ยนแผนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และได้พยายามส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีนอย่างเต็มที่ เช่น การจัดงานเทศกาลไทยประจำปี 2564 “Celebrating Songkran Festival with Thai Street Food” ที่มีผู้เข้าชมวิดีโอกิจกรรมรวมมากกว่า 250 ล้านยอดวิวทั่วโลก นอกจากนี้ สถานทูตไทยยังได้จัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรมในรั้วสถานศึกษาและมหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่ง รวมถึงมีความร่วมมือกับสื่อท้องถิ่นในจีน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างผู้คนทั้งสองประเทศ” ทูตไทยฯ กล่าว

ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาอย่างยาวนาน ในภาพเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของไทย “วัดอรุณฯ”

ครบรอบ 30 ปีความสัมพันธ์จีน-อาเซียน มีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้า ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ เมื่อถามถึงงานมหกรรม China-ASEAN Expo (CAEXPO) ครั้งที่ 18 ที่กำลังจะมาถึง ท่านทูตไทยยิ้มพร้อมกับกล่าวคำอวยพรและเอ่ยถึงความคาดหวังต่องานครั้งนี้ว่า “จีนไม่เพียงแต่เป็นพันธมิตรทางความร่วมมือที่สำคัญของอาเซียน แต่ยังเป็นมิตรสหายที่สำคัญของไทยด้วยเช่นกัน หวังว่าในอนาคตทั้งสองฝ่ายจะมีความร่วมมือที่ดีต่อกันมากขึ้น เชื่อว่าเราจะก้าวเข้าสู่ยุคของความร่วมมือแบบ Win-Win ผมขออวยพรให้การจัดงาน CAEXPO เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นในทุกๆปี”


Your email address will not be published. Required fields are marked *