ชี้ช่องธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไทยบุกไห่หนาน

          ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ไทยมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือกับมณฑลไห่หนาน เพื่อต่อยอดโอกาสทางการค้าใหม่ๆที่เปิดกว้าง ตามนโยบายผลักดันขยายการส่งออกไปตลาดจีนของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผ่านยุทธศาสตร์สร้างความร่วมมือทางการค้าเชิงลึกระดับมณฑล โดยเริ่มจากมณฑลไห่หนานเป็นมณฑลแรก ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือทางการค้าไทย-ไห่หนาน ไปเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา 

          ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า จากการศึกษาของสนค.พบว่า ไห่หนานเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งใหม่ที่มีโอกาสในธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย เพราะรัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบาย Hainan Free Trade Port เพื่อมุ่งเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูง และอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทางการแพทย์และยา (Health & Medical)

          โดยได้มีการผลักดันให้เมืองโป๋อ๋าว (Boao) เป็นเขตนำร่องการท่องเที่ยวทางการแพทย์นานาชาติ “ไห่หนานโป๋เอ๋าเล่อเฉิง” (Hainan Boao Lecheng International Medical Toursim Pilot Zone) เน้นความล้ำสมัยทางการแพทย์ในระดับนานาชาติ ทั้งด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์การแพทย์ และเวชภัณฑ์ และยกให้เป็นเมืองแห่งการประชุมและศูนย์กลางด้านการเทคโนโลยีทางการแพทย์ จึงทำให้เกิดการพัฒนาสิ่งก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ

            ทั้งนี้ การพัฒนาการท่องเที่ยวทางการแพทย์นานาชาติในเมืองโป๋อ๋าวยังอยู่ในระยะเริ่มต้น จึงยังคงขาดแคลนทั้งจำนวนของสถานพยาบาลระดับสูง อุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ในการบริหารจัดการ ทำให้หน่วยงานสถานพยาบาลในไห่หนานจำเป็นต้องหาความร่วมมือจากรอบด้าน โดยจีนได้ประกาศให้สถาบันทางการแพทย์จำกัดการลงทุนให้อยู่เพียงรูปแบบการร่วมหุ้นหรือความร่วมมือเท่านั้น

            ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับไทยที่จะเข้าไปร่วมมือ โดยไทยมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานกว่า 64 แห่งทั่วประเทศ ที่เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์และการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโอกาสที่จะทำข้อตกลงความร่วมมือในการลงทุนในพื้นที่ไห่หนาน

          นอกจากนี้ ยังพบว่า ไทยมีโอกาสในธุรกิจภาคบริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยสามารถขยายตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ผ่านความร่วมมือเชิงการแพทย์ และความร่วมมือด้านทัวร์เรือสำราญ โดยครอบคลุมธุรกิจ อาทิ การรักษาพยาบาล ศัลยกรรมความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ ร้านอาหาร สปา ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม อาทิ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ SME ไทยมีศักยภาพและชาวจีนนิยมเลือกไทย

            ขณะเดียวกัน มีโอกาสที่จะพัฒนาความร่วมมือและส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ ขยายความร่วมมือและพัฒนาเส้นทางเดินเรือยอชต์ เรือสำราญ ขยายท่าเรือน้ำลึกให้สามารถรองรับเรือสำราญให้มากขึ้นตามนโยบายผลักดันให้ จ.ภูเก็ต เป็นมารีน่าฮับ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุน

            นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสร้างการจ้างงานสำหรับคนไทยที่ต้องการไปทำงานภาคบริการในจีน โดยมณฑลไห่หนานได้ประกาศรับสมัครผู้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบริการยุคใหม่ การท่องเที่ยว และเทคโนโลยีขั้นสูงจากทั่วโลก ซึ่งหน่วยงานภาครัฐควรเร่งให้ความรู้กับแรงงานศักยภาพไทย อาทิ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ ขั้นตอนการสมัคร การเดินทางไปทำงาน รวมถึงสิทธิและสวัสดิการแรงงาน

            “ไห่หนานกำลังกลายเป็นอีกหนึ่งมณฑลที่น่าสนใจลงทุนสำหรับธุรกิจจากไทย ทั้งในแง่การนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านค้าปลอดภาษี การร่วมลงทุน การเป็นพันธมิตรในธุรกิจการท่องเที่ยว และการร่วมลงทุนหรือเป็นพันธมิตรในเขตการดูแลสุขภาพพิเศษ (Special Health Care Zone) ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์การพัฒนาท่าเรือการค้าเสรีไห่หนานอย่างใกล้ชิด” ภูสิต ผู้อำนวยการสนค.กล่าว

            ปัจจุบัน มณฑลไห่หนานเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุดของจีน ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์  เชื่อมต่อกับเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า(Greater Bay Area : GBA)  และเป็นจุดสำคัญของเส้นทางสายไหมทางทะเล  โดยรัฐบาลจีนมีนโยบายผลักดันไห่หนานให้เป็นศูนย์กลางการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดภายในปี 2593  ซึ่งจะสร้างโอกาสการเชื่อมโยงกับอาเซียน รวมถึงไทยและกลุ่มประเทศที่อยู่ในแนวโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง 


 

 

Your email address will not be published. Required fields are marked *