“หัวเว่ย”จัดงานเทคโนโลยีใหญ่แห่งปี“POWERING DIGITAL THAILAND 2021 HUAWEI CLOUD & CONNECT” ประกาศวิสัยทัศน์หนุนประเทศไทยก้าวสู่ดิจิทัลฮับอาเซียน ทุ่มงบ 700 ล้าน สร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ในไทยในปี 2564 พร้อมเดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยให้มีสัดส่วนถึง 30% ของจีดีพีไทย ภายในปี 2573


อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด
อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ด้านดิจิทัลสำหรับประเทศไทยในปี 2564 ของหัวเว่ยในระหว่างการกล่าวเปิดงาน ว่า “หัวเว่ย ในฐานะองค์กรด้านเทคโนโลยีที่อยู่กับประเทศไทยมานานกว่า 21 ปี ได้มองเห็นศักยภาพของประเทศไทยที่ค่อนข้างได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการนำเทคโนโลยี CLOUD, AI และ 5G มาประยุกต์ใช้เป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัล เราจึงต้องการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถยกระดับขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัล (Digital Hub) ของอาเซียน”
เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย ได้ผลักดันการลงทุนในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญสำหรับธุรกิจคลาวด์นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2562
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ส่งมอบ Cloud Hub ในประเทศไทย เพื่อนำเทคโนโลยีคลาวด์ไปใช้ประโยชน์กับศูนย์ข้อมูลอีกสองแห่ง และหัวเว่ยวางแผนที่จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูลแห่งที่สามในประเทศในปี 2564 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลในประเทศ ซึ่งจะมีการเพิ่มการลงทุนอีกมากกว่า 700 ล้านบาท


อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และสุชาติ ชมกลิ่น รมช.แรงงาน ในพิธีเปิดงาน “POWERING DIGITAL THAILAND 2021 HUAWEI CLOUD & CONNECT”
หัวเว่ยยังได้แสดงความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยสำหรับการเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลเป็นประเทศแรกในอาเซียน
ทั้งนี้ เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวเป็นจริง ทางหัวเว่ยจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้เกิดความเป็นเลิศใน 4 ด้านหลัก และจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนใน GDP ของประเทศไทยมากถึง 30% ภายในปี 2573 อันได้แก่
- Connectivity Excellence Hub การผลักดันเทคโนโลยีโครงข่าย 5G และเครือข่ายอัลตราบรอดแบนด์เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านโครงข่ายการเชื่อมต่อ
- Cloud Excellence Hub สรรค์สร้างความเป็นเลิศด้าน CLOUD และแพลตฟอร์มดิจิทัลผ่านการสร้างศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยเพื่อให้บริการด้าน CLOUD กับองค์กรในประเทศไทยโดยเฉพาะ
- Digital Ecosystem Excellence Hub ผ่านโครงการ 5G และศูนย์นวัตกรรมในนิคมอุตสาหกรรมของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)”
- Digital Talent Hub ผ่านโครงการสนับสนุนทรัพยากรบุคคลด้าน ICT ในประเทศไทย เพื่อ อาทิเช่น โครงการ Huawei Academy หรือโครงการการจับมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในไทย เพื่อเพิ่มบุคลากรด้าน ICT รวมทั้งเพิ่มศักยภาพของแรงงานด้าน ICT ในประเทศไทย
เผยเทรนด์เทคโนโลยีที่ต้องจับตาปี 2564
ผู้บริหารหัวเว่ยยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงเทรนด์สำคัญด้านเทคโนโลยีที่ภาครัฐและภาคเอกชนในไทยควรจับตามองอย่างใกล้ชิดในปี 2564 ได้แก่ เทคโนโลยีการประมวลผลแบบ CLOUD เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI รวมถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมโครงข่าย 5G ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างมีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดนวัตกรรมรูปแบบใหม่ในภาคอุตสาหกรรมนับพันแห่ง รวมทั้งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนากระบวนการดำเนินในภาครัฐ ภาคองค์กรธุรกิจ และภาคสังคมให้ชาญฉลาด สามารถ
เข้าใจความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เทคโนโลยีด้าน CLOUD การประมวลผลคอมพิวเตอร์และการเชื่อมต่อเหล่านี้ต่างเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศ และการลงทุนในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจะส่งผลกับค่า GDP ของประเทศนั้นโดยตรง โดยหัวเว่ยคาดการณ์ว่าการลงทุนกับเทคโนโลยี ICT ในประเทศที่เพิ่มขึ้น 20% จะมีผลทำให้ค่า GDP ของประเทศนั้นๆ เพิ่มขึ้น 1%
“หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดความหลากหลายด้านสถาปัตยกรรมทางคอมพิวเตอร์ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโซลูชันสำหรับตอบโจทย์ธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ หัวเว่ยต้องการจะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการจากเทคโนโลยี CLOUD อัจฉริยะได้ในทุกสถานการณ์ และ HUAWEI CLOUD AI ก็จะเข้ามาช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้มีความอัจฉริยะมากขึ้นใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านกระบวนการทำงานที่เกิดการทำซ้ำๆ ด้านความต้องการประสบการณ์ในระดับผู้เชี่ยวชาญ และด้านการทำงานประสานกันในหลายๆ ด้าน”
—————————————